รีวิว โรงแรม ฮอลิเดย์อินน์ รีสอร์ท กระบี่ อ่าวนาง บีช

 

11403229_954486747951548_7519835979219219580_n

1470020_954486404618249_3747918505321590788_n

 

โรงแรม ฮอลิเดย์อินน์ รีสอร์ท กระบี่ อ่าวนาง บีช ตั้งอยู่บนหาดนพรัตน์ธารา แวดล้อมด้วยภูมิทัศน์อันงดงามของหาดอ่าวนาง ให้คุณได้สัมผัสวันพักผ่อนที่แสนสดชื่นผ่อนคลายท่ามกลางห้องพักหรูหรา สะดวกสบายด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกสมัยใหม่ระดับมาตรฐานโรงแรมในเครือฮอลิเดย์อินน์

 

11377185_954486434618246_1878787488644223238_n

11390086_954486537951569_5089232867475320180_n

 
โรงแรม ฮอลิเดย์อินน์ รีสอร์ท กระบี่ อ่าวนาง บีช เปิดให้บริการห้องพักทั้งหมด 173 ห้อง แบ่งออกเป็นห้องพักในโซน Family Wing ที่เต็มไปด้วยสีสันและความสนุกสนานสำหรับวันพักผ่อนของครอบครัว ได้แก่ห้องพักพรีเมียร์ การ์เด้นท์ ห้องพรีเมียร์ พูลวิว ห้องพูลแอคเซส ห้องคิดส์สวีท และห้องแฟมิลี่สวีท ส่วนโซน Couple Wing ที่เน้นการตกแต่งเน้นความโรแมนติคและเงียบสงบเหมาะกับการเข้าพักของคู่รัก หรือคู่ฮันนีมูน ได้แก่ห้องสุพีเรียร์ ห้องพูลแอคเซส ห้องดีลักซ์ และห้องเพ้นท์เฮ้าส์ ภายในห้องพักทุกห้องตกแต่งแบบสถาปัตยกรรมร่วมสมัย ครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกสมัยใหม่ เพื่อวันพักผ่อนที่แสนสบายของคุณ

11350493_954486591284897_398363812341741045_n

11417749_954486394618250_2875813911176433251_n

11406983_954486534618236_8478512745457042617_n

 
วันพักผ่อนที่โรงแรม ฮอลิเดย์อินน์ รีสอร์ท กระบี่ อ่าวนาง บีช นั้นเต็มไปด้วยความสนุกสนานและผ่อนคลาย รีสอร์ทได้จัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกหลากหลายรองรับทุกไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างไม่ว่าจะเป็นห้องอาหารอินเอเชียที่เสิร์ฟอาหารหลากเมนูพร้อมวิวโรแมนติคของอ่าวนาง เวฟบาร์ สถานที่นั่งพัก ผ่อนคลายด้วยการจิบเครื่องดื่มแก้วโปรดพร้อมชมวิวพระอาทิตย์ลับหาดอ่าวนาง บาร์ริมสระน้ำอย่างลากูน บาร์ และไอแลนส์บาร์ ให้คุณได้เลือกพักผ่อน สำหรับกิจกรรมของผู้รักสุขภาพทรีสอร์ทได้ให้บริการสลีลา สปา สปาบรรยากาศหรูแบบไทย พร้อมบริการนวดและดูแลความงามจากผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย และฟิตเนสออกกำลังกายที่ประกอบไปด้วยเครื่องออกกำลังกายทันสมัย แวดล้อมด้วยวิวพันธุ์ไม้ทรอปิคอลและป่าโกงกาง ทางรีสอร์ทได้ใส่ใจทุกรายละเอียดของวันพักผ่อนของคุณโดยได้จัดเตรียมคิดส์คลับสำหรับเด็กโดยมีกิจกรรมหลากหลายที่เหมาะสมกับเด็กแต่ละวัยไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมวาดภาพ ระบายสี ร้องเพลง และสันทนาการมากมายภายใต้การดูแลของพี่เลี้ยงที่ผ่านการอบรมอย่างดีด้านการดูแลเด็ก นอกจากนี้โรงแรม ฮอลิเดย์อินน์ รีสอร์ท กระบี่ อ่าวนาง บีช ยังพร้อมสำหรับการจัดประชุมและสัมมนาอีกด้วย เติมวันพักผ่อนของคุณให้สมบูรณ์แบบที่ โรงแรม ฮอลิเดย์อินน์ รีสอร์ท กระบี่ อ่าวนาง บีช

 

11391171_954486567951566_780518736996292823_n

11401181_954486744618215_8350812205068649748_n

11037458_954486664618223_9091605698115674611_n

10885133_954486724618217_7471219036792454023_n

11150901_954486487951574_9129527514927528504_n

โรงแรม ฮอลิเดย์อินน์ รีสอร์ท กระบี่ อ่าวนาง บีช
ที่อยู่ : 123 ม.3 อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่
โทรศัพท์ : 075 810 888
โทรสาร : 075 810 889

เรียบเรียงโดย  www.hotelandresortthailand.com

เติมเต็มวันหยุดธรรมดาของคุณให้พิเศษด้วย มาเจสตี้ สปา คชา เกาะช้าง

 

10464092_938267529573470_170168834623768776_n

 

เติมเต็มวันหยุดธรรมดาของคุณให้พิเศษด้วย มาเจสตี้ สปา คชา เกาะช้าง สปาหรูท่ามกลางทัศนียภาพท้องทะเลแสนสวย หาดทรายขาว แวดล้อมด้วยหมู่ไม้ทรอปิคอลหลากชนิด สปาตั้งอยู่บนหาดทรายขาวปลูกสร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบร่วมสมัย ผสานรายละเอียดตกแต่งแบบตะวันออกอันอ่อนช้อยน่าหลงใหล เพียงชั่วขณะแรกของการมาเยือนที่ มาเจสตี้ สปา คชา เกาะช้าง คุณจะสัมผัสได้ถึงห้วงเวลาแสนสุขและผ่อนคลาย

 

10685395_938267476240142_3503177190744978023_n

11263074_938267462906810_3083969337550867793_n

 
มาเจสตี้ สปา คชา เกาะช้างรังสรรค์ทรีทเมนท์ทรงคุณค่าด้วยสมุนไพรหลากชนิดจากภูมิปัญญาไทย ให้บริการโดยเทอราพีสผู้เชี่ยวชาญ โดยมีทรีทเมนท์ให้เลือกสรรค์หลายชนิดไม่ว่าจะเป็น Majesty Victory ที่ผสานการนวด 5 รูปแบบเพื่อให้เกิดความผ่อนคลายและสร้างสมดุลสู่ร่างกาย โดยการนวดชนิดนี้จะเน้นที่หัว บ่าและเท้า ให้คุณได้พักผ่อนพร้อมล่องลอยไปกับกลิ่นหอมอโรม่า Majesty Delight Massage ที่ผสานการนวดแบบไทยและอโรม่าเข้าไว้ด้วยกันพร้อมนวดโดยใช้ลูกประคบ นอกจากนี้ยังให้บริการทรีทเมนท์อีกหลากหลายไม่ว่าจะเป็นนวดไทย นวดอโรม่าออลย์ นวดลูกประคบ นวดเท้า นวดบ่าคอไหล รวมไปถึงทรีทเมนท์เพื่อความงามอย่างสครับผิวกาย สครับผิวหน้า และมาสก์ต่างๆตามสภาพผิว สำหรับผู้ต้องการผสานความสมดุลของร่างกาย จิตใจและจิตวิญญาณชั้นเรียนโยคะเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจทั้งยังสร้างความยืดหยุ่นให้กับร่างกายและคงความอ่อนเยาวน์อีกด้วย

 

1546091_938267622906794_734467337640338959_n

 
หลังสนุกสนานกับกิจกรรมอันหลากหลายบนเกาะช้าง ให้รางวัลกับตัวคุณเองและคนที่คุณรักด้วยทรีมเมนท์และแพคเก็จสปาจาก มาเจสตี้ สปา คชา เติมเต็มชั่วโมงพักผ่อนให้สมบูรณ์แบบ ดื่มด่ำความสุขทุกนาทีที่ มาเจสตี้ สปา คชา

 

11267084_938267526240137_7596316220708910730_n

 

เรียบเรียงโดย  www.hotelandresortthailand.com

รีวิว ศาลา ล้านนา เชียงใหม่

 

10410281_945441968856026_6300430274673630051_n

11329775_945441928856030_5032191120164635143_n

 

ศาลา ล้านนา เชียงใหม่ นำเสนอวันพักผ่อนเงียบสงบเป็นส่วนตัว กับที่พักตกแต่งแบบบูทีคทันสมัยตามสไตล์ของโรงแรมในเครือศาลา ฮอสพิทอลิตี้ กรุ๊ป ซึ่งการันตีได้ถึงความโดดเด่น มีเอกลักษณ์ และหรูหรา

ศาลา ล้านนา เชียงใหม่ ตั้งอยู่โดดเด่นริมแม่น้ำปิง จังหวัดเชียงใหม่ เปิดให้บริการห้องพักจำนวนทั้งสิ้น 15 ห้อง เกือบทุกห้องมองเห็นวิวแม่น้ำปิงในมุมมองที่เต็มไปด้วยเสน่ห์น่าหลงใหล พร้อมระเบียงกว้างสำหรับพักผ่อน เริ่มต้นด้วยห้องสแตนดาร์ด ที่พิเศษมากกว่าห้องสแตนดาร์ดทั่วไป ห้องพักมาพร้อมกับการตกแต่งอย่างสง่างาม ใส่ใจทุกรายละเอียดเพื่อวันพักผ่อนที่แสนสะดวกสบายและเต็มไปด้วยความสุข ห้องพักสุพีเรียร์ บัลโคนี่ ตกแต่งสวยงามทันสมัย พร้อมระเบียงกว้างสำหรับนั่งผ่อนคลายรับลม หรือหรูหราขึ้นมาอีกระดับกับห้องดีลักซ์ สวีท ที่แยกสัดส่วนระหว่างเตียงนอนและโซฟานั่งเล่น ภายในห้องพักกว้างขวางมีอ่างอาบน้ำ สำหรับผู้ที่อยากชื่นชมกับวิวแม่น้ำปิงอย่างเต็มอิ่ม ห้องริเวอร์วิว ดีลักซ์ บัลโคนี่ ตอบโจทย์ข้อนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ เนื่องจากห้องพักสุดหรูห้องนี้มีระเบียงกว้างเป็นพิเศษพร้อมชุดโซฟาพักผ่อนให้คุณได้นั่งชมวิวแม่น้ำปิง

 
สุขยิ่งขึ้นกับห้องอาหารอิตาเลีย ห้องอาหารสัญชาติอิตาเลียนแท้ๆ ที่เสิร์ฟเมนูโฮมเมดพาสต้า และอีกหลายรายการที่จะกลายเป็นเมนูโปรดของคุณ สุดท้ายร่ำลาค่ำคืนแสนสุขที่ศาลา ล้านนา ด้วยเดอะ รูฟ บาร์บนชั้นดาดฟ้าพร้อมสระว่ายน้ำที่เผยให้เห็นทัศนียภาพเมืองเชียงใหม่และแม่น้ำปิงแบบ 360 องศา สัมผัสวันพักผ่อนแสนประทับใจที่ ศาลา ล้านนา เชียงใหม่

 

11329775_945441928856030_5032191120164635143_n

11229378_945441722189384_1906049303157697313_n

11266504_945441898856033_4818756767165789079_n

11205495_945441688856054_6686900454645267079_n

11014899_945441768856046_7119201763665040479_n

11267738_945442012189355_9180120503973398476_n

11350703_945441875522702_7717366379125195756_n

11244912_945441738856049_2608875078423545129_n

11143379_945441805522709_4013226782805068544_n

11151019_945441852189371_4319557278851110692_n

11125332_945442038856019_5236387410480485106_n

11073466_945441718856051_5757099793515422483_n

11351224_945441785522711_8757301615834089620_n

11224834_945442035522686_525658521289503330_n

11295634_945441822189374_6279261230919355268_n

 

 

เรียบเรียงโดย  www.hotelandresortthailand.com

รีวิว โรงแรมวิวสวยที่ ศาลาอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา

 

11059244_927911247275765_1849804622738703513_n

เพียงหนึ่งชั่วโมงเศษ ๆ จากกรุงเทพมหานคร ศาลาอยุธยา เชิญคุณสัมผัสความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรอยุธยา กรุงเก่าที่เต็มไปด้วยร่องรอยของความเจริญรุ่งเรืองเมื่อครั้งอดีต ศาลาอยุธยาตั้งอยู่ในทำเลที่ห้อมล้อมไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ เช่น วัดพุทไธศวรรย์ ทั้งยังสามารถชื่นชมความงามของแม่น้ำเจ้าพระยาที่ไหลผ่าน ทำให้รู้สึกเหมือนกาลเวลาได้หมุนช้าลง

10553367_927911287275761_2179686872853437079_n

11168568_927911327275757_2956792155338233516_n

11182244_927911280609095_6118057719007752010_n

 
ศาลาอยุธยา ขนาดกะทัดรัดแต่ทว่าโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมการออกแบบ ตกแต่งหรูหราสไตล์บูทีค เปิดให้บริการห้องพักจำนวน 26 ห้อง โดยแบ่งห้องพักออกเป็น 5 ประเภท ได้แก่ห้อง superior ห้องพักสไตล์บูทีคที่นำเอาความโดดเด่นของวัสดุปูน อิฐและไม้ผสานการตกแต่งเข้าไว้ด้วยกันอย่างสวยงาม อ่อนช้อย deluxe river view และ deluxe river view terrace ห้องพักซึ่งให้ผู้เข้าพักผ่อนคลายกับบรรยากาศการตกแต่งรวมไปถึงวิวแม่น้ำ และวัดพุทไธศวรรย์ พร้อมทั้งมุมรีแลกซ์ในบริเวณเฉลียงพักผ่อนสำหรับห้อง deluxe river view terrace หรือเลือกผ่อนคลายกับห้องพักพร้อมสระส่วนตัวอย่างห้อง 1 bedroom pool suite ที่ตกแต่งได้อย่างมีสไตล์หรูหราพร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัวภายในบริเวณห้องพัก และหากอยากเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสพิเศษห้อง 1 bedroom duplex river view suite เป็นตัวเลือกที่แสนสมบูรณ์แบบ ด้วยห้องพักสไตล์ดูเพล็ก 2 ชั้น ด้านล่างมาพร้อมกับห้องนั่งเล่นและเฉลียงที่เปิดสู่วิวแม่น้ำเจ้าพระยาและวัดพุทไธศวรรย์ ส่วนด้านบนเป็นห้องนอนตกแต่งหรูหราพร้อมหน้าต่างกระจกบานกว้างจากพื้นจรดเพดานมองเห็นวิวแม่น้ำและวัดพุทไธศวรรย์

 

10553367_927911267275763_5215632764033524726_n

11138588_927911417275748_7919887961240334177_n

 
เติมเต็มความสมบูรณ์แบบในวันพักผ่อนแสนสบายด้วย sala ayuttaya eatery and bar ห้องอาหารริมน้ำด้านหน้าแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมวิวแสนประทับใจของวัดพุทไธศวรรย์ที่โดดเด่นอยู่เบื้องหน้า ห้องอาหารเสิร์ฟเมนูอาหารไทยและอาหารนานาชาติ พร้อมไวน์ชั้นเลิศ เบียร์และค็อกเทล นอกจากนี้ยังสามารถผ่อนคลายความตึงเครียดไปกับห้องสปาขนาดเล็ก ล่องลอยไปกับวันพักผ่อนแสนสบาย
ให้วันพักผ่อนของคุณเต็มไปด้วยความทรงจำประทับใจ ความสุขอยู่ใกล้ๆที่ ศาลาอยุธยา

 

เรียบเรียงโดย  www.hotelandresortthailand.com

รีวิวโรงแรม ศาลารัตนโกสินทร์ กรุงเทพฯ

 

10426862_912236848843205_695795905343500461_n

994468_912236978843192_1461197450423679333_n

 

หันหลังให้กับใจกลางเมืองหลวงที่แสนเร่งรีบวุ่นวายสู่บรรยากาศเงียบสงบย้อนยุค เคล้ากลิ่นอายประวัติศาสตร์เมืองเก่าอันรุ่งเรืองเมื่อครั้งอดีต ปลดปล่อยอารมณ์ไปตามลำน้ำกว้างใหญ่ของสองฝากฝั่งเจ้าพระยา ดำดิ่งสู่ความงดงามของบ้านเรือนและสถาปัตยกรรมอันวิจิตรบรรจงอย่างพระบรมมหาราชวัง วัดโพธิ์ และวัดอรุณราชวรารามที่ทอดตัวอยู่เบื้องหน้า

 
ศาลารัตนโกสินทร์พร้อมมอบประสบการณ์วันพักผ่อนสุดหรู ท่ามกลางทำเลที่สามารถเดินไปสู่สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของกรุงเทพมหานครอย่างวัดพระแก้วและวัดโพธิ์โดยใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที ให้คุณได้อิ่มเอมไปกับบรรยากาศอันเปี่ยมล้นด้วยเสน่ห์มนต์ขลังของวันวานริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาด้านตะวันตก พร้อมพักผ่อนคลายในห้องพักสุดหรูทั้ง 15 ห้องของศาลารัตนโกสินทร์ที่ตกแต่งอย่างพิถีพิถันในสไตล์ทันสมัย โดยห้องพักแต่ละประเภทมอบความตื่นตาตื่นใจในมุมมองที่แตกต่างไม่ว่าจะเป็นห้องที่มองเห็นวิววัดอรุณ ห้องที่มองเห็นวิวแม่น้ำ และห้องที่มองเห็นวิววัดโพธิ์ ภายในห้องพักทุกห้องพร้อมสรรพด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกชั้นเลิศ

 

10463941_912236878843202_5126098446908035412_n

10422256_912236902176533_6405476910952895585_n

10985873_912236858843204_5382650035286149890_n

จากนั้นนำคุณสู่ช่วงเวลาแสนโรแมนติกที่ Rooftop บาร์ ที่พร้อมให้บริการเครื่องดื่มเพื่อเติมความสดชื่นไปกับอาหารว่างเบาๆ ในบรรยากาศสบายๆบนชั้นดาดฟ้า มองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยา และเกาะรัตนโกสินทร์ แบบ 360 องศา แสนประทับใจ โดยเฉพาะยามพระอาทิตย์ตกดิน ที่มีฉากหลังตระการตาของวัดอรุณราชวรารามมหาวิหาร วางตัวในตำแหน่งพอเหมาะราวกับภาพวาดได้บรรยากาศงดงามยิ่งนัก ต่อด้วย ศาลารัตนโกสินทร์ อีทเทอรี่ แอนด์ บาร์ไม่เพียงแต่วิวยามค่ำคืนของสองฝากฝั่งเจ้าพระยาที่ประดับด้วยดวงไฟ แต่ยังเสิร์ฟเมนูอาหารรสเลิศทั้งไทยและนานาชาติ ที่ได้รับการคัดสรรอย่างดีเยี่ยมจากวัตถุดิบคุณภาพ แล้วปรุงอย่างพิถีพิถันโดยฝีมือเชฟผู้มากประสบการณ์รับประทานพร้อมไวน์ที่มีให้เลือกจากทั่วทุกมุมโลก ค้นหาวันพักผ่อนที่แตกต่างท่ามกลางเมืองใหญ่มิรู้หลับ ยังมีอีกมุมสงบที่งดงามพร้อมให้คุณได้พักผ่อนคลายที่ศาลารัตนโกสินทร์ กรุงเทพมหานคร

11102681_912236932176530_1572246348044664558_n

11081064_912236738843216_6363332257939934612_n

10409249_912237018843188_1341602284909697729_n

10426226_912236815509875_3454553766514273561_n

11110860_912236955509861_9101261816055520542_n

10806305_912236868843203_1783289302572071081_n

ศาลารัตนโกสินทร์ กรุงเทพฯ
ที่อยู่ : 39 ถนนมหาราช, พระบรมมหาราชวัง กรุงเทพฯ 10200
โทรศัพท์ : 02 622 1388
โทรสาร : 02 622 1389

 

เรียบเรียงโดย  www.hotelandresortthailand.com

รีวิว ศาลาภูเก็ต รีสอร์ท แอนด์ สปา จ.ภูเก็ต

 

11054414_904258442974379_6390666947350904282_n

10422211_904258519641038_2040620915206386121_n

 

 

หลีกหนีจากเมืองใหญ่แสนวุ่นวายสู่วันพักผ่อนที่ที่มีแต่เพียงท้องทะเล หาดทราย สายลมเย็นและแสงแดด ให้ทุกนาทีของวันพักผ่อนเป็นช่วงเวลาแห่งความทรงจำประทับใจที่ “ศาลาภูเก็ต รีสอร์ท แอนด์ สปา”

 
เพียง 20 นาทีจากสนามบินนานาชาติภูเก็ต “ศาลาภูเก็ต รีสอร์ท แอนด์ สปา” ตั้งอยู่ริมหาดไม้ขาวอันเงียบสงบ พร้อมให้คุณดื่มด่ำความงามของธรรมชาติบนหาดส่วนตัวแสนโรแมนติก ประทับใจไปกับเอกลักษณ์ของสถาปัตยกรรมแบบชิโน – โปรตุกิสที่ปรากฏให้เห็นผ่านการตกแต่งอยู่ทั่วรีสอร์ท เพียงก้าวแรกสู่รีสอร์ทสุดหรูแห่งนี้คุณจะได้สัมผัสกับความหรูหราและการออกแบบตกแต่งที่แสดงให้เห็นถึงความประณีตพิถีพิถัน เริ่มตั้งแต่ห้องพักที่ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์คุณภาพระดับพรีเมียม พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันมาตรฐานโรงแรม 5 ดาว โดยห้องพักทุกห้องเน้นความเป็นส่วนตัวของผู้เข้าพักอย่างสูงสุด

 

 

11015856_904258462974377_2218925485924063419_n

10981742_904258372974386_2579988923431985124_n

“ศาลาภูเก็ต รีสอร์ท แอนด์ สปา” เปิดให้บริการห้องพักทั้งแบบพูลวิลล่าและห้องสวีทรวมทั้งสิ้น 79 ห้อง ซึ่งแบ่งเป็นห้องพักแบบวิลล่าพร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัวถึง 63 หลัง ทุกหลังล้วนตกแต่งได้อย่างงดงามน่าประทับใจ พร้อมสรรพด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกหรูหราที่ผู้เข้าพักแทบไม่อยากละทิ้งห้วงเวลาแห่งความสุขนี้ไปไหน และห้องพักแบบdeluxe balcony อีก 16 ห้องที่เป็นห้องพักที่อยู่บนตัวอาคาร โดยให้บรรยากาศหรูหราแบบห้องสวีทพร้อมระเบียงส่วนตัวสำหรับชมวิว

11068156_904258766307680_2845589577390824408_n

ไม่เพียงการคัดสรรสิ่งที่ดีที่สุดให้กับผู้มาเยือนด้วยห้องพักระดับ 5 ดาว แต่ “ศาลาภูเก็ต รีสอร์ท แอนด์ สปา” ยังสร้างความประทับใจด้วยห้องอาหาร SALA Restaurant ที่ให้บริการทั้งอาหารไทยและอาหารนานาชาติท่ามกลางบรรยากาศแบบ outdoor ด้านหน้าหาด หรือสัมผัสบรรยากาศแสนโรแมนติกยามอาทิตย์ตกดินที่ Rooftop Dining ต่อด้วย Beach Bar บาร์ด้านหน้าชายหาดที่เสิร์ฟเครื่องดื่มหลากชนิด ให้คุณหย่อนกายบนเดย์เบดแสนผ่อนคลายพลางจิบเครื่องดื่มแก้วโปรด ฟังเสียงคลื่นขับกล่อม เติมเต็มความสมบูรณ์แบบให้วันพักผ่อนอีกนิดด้วยสปาหรู พร้อมทรีทเมนท์หลากชนิดให้เลือกสรรในบรรยากาศผ่อนคลายแบบ contemporary

ลองสัมผัสบรรยากาศวันพักผ่อนสุดหรูสักครั้งที่ “ศาลาภูเก็ต รีสอร์ท แอนด์ สปา” แล้วทุกนาทีในทริปนี้ของคุณจะเต็มไปด้วยความทรงจำดีๆนานเท่านาน

11068156_904258766307680_2845589577390824408_n

1743495_904258436307713_81175400049008818_n

11061331_904258606307696_4423307387867798483_n

11071928_904258659641024_3877302393694683131_n

♥ศาลาภูเก็ต รีสอร์ท แอนด์ สปา♥
ที่อยู่ : 333 หมู่ 3 หาดไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต 83110
โทรศัพท์ : 76 338 888
โทรสาร : (0) 76 338 889

 

เรียบเรียงโดย  www.hotelandresortthailand.com

ติดเที่ยวใจจะขาด ทยอยไปเที่ยว 10 หาดนี้ดีกว่า

 

ช่วงนี้หลายคนคงไปเที่ยวพักผ่อนที่ทะเลบ่อยๆ ก็คงไม่แปลกสินะด้วยอากาศที่ร้อนแบบนี้ แต่หากใครยังไม่รู้ว่าจะไปเที่ยวทะเลไหนดี หรือกำลังมองหน้าสถานที่ท่องเที่ยวอย่างเช่น ทะเลหาดสวยๆ น้ำใสๆ ทรายสีขาวละเอียดละก็ วันนี้ทาง Hotelandresortthailand มีทะเลสวยๆ ของเมืองไทยมาแนะนำกันค่ะ เผื่อจะเป็นตัวเลือกให้ออกเดินทางไปสัมผัสกัน ลองไปดูกันเลยดีกว่าค่ะว่ามีทะเลไหนถูกใจกันบ้าง

 

1. หาดทรายขาว จังหวัดตราด

1--1

1--2

หาดทรายขาว แห่งนี้มีความยาวกว่า 6 กิโลเมตร และเม็ดทรายที่ถูกพิสูจน์ด้วยสายตาของนักท่องเที่ยวจำนวนมหาศาลแล้วว่าเป็นเม็ดทรายที่ขาวละเอียดกว่าหาดอื่นๆ บนเกาะช้าง จึงเป็นที่มาของชื่อ “หาดทรายขาว” จึงกลายจุดเล่นน้ำและนั่งชิลกับความสวยงามของท้องทะเลอีกจุดหนึ่งของเกาะช้าง จังหวัดตราด แถมที่นี่ยังมีกิจกรรมหลากหลายมากมายให้นักท่องเที่ยวได้สนุกสนานกัน อาทิเช่น เดินเที่ยวป่า นั่งช้างชมธรรมชาติ ดำน้ำดูปะการัง หรือจะเล่นน้ำทะเลสีฟ้าที่ใสแจ๋วบนหาดแห่งนี้ก็ได้ตามสบาย แต่อาจจะต้องระมัดระวังนิดหน่อยด้วย เนื่องจากระดับความตื้นลึกของน้ำทะเลบนหาดทรายขาวแห่งนี้ค่อนข้างต่างระดับกันอยู่บ้าง

 

2. อ่าวมาหยา จังหวัดกระบี่

2--2

2--1

2--3

อ่าวมาหยา ตั้งอยู่บนเกาะพีพีเล ถือได้ว่าเป็นทะเลที่มีความสวยงดงามจับใจไม่แพ้ทะเลที่มีชื่อเสียงที่อื่นๆ ในโบก แต่อ่าวมาหยาเพิ่งมาเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง สามารถเรียกนักท่องเที่ยวให้มาเยือนอ่าวมาหยาไม่ขาดสายโดยเฉพาะช่วงที่มีกองถ่ายภาพยนตร์เรื่อง เดอะ บีช (The Beach) ที่แสดงนำโดยพระเอกหนุ่มอย่าง ลีโอนาโด ดิคาบริโอ ที่ยกกองมาถ่ายทำฉากในหนังที่อ่าวมาหยาแห่งนี้ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะบรรยากาศของสถานที่ที่รายล้อมไปด้วยเขาหินปูน ตัวอ่าวมีลักษณะคล้ายเป็นรูปเสี้ยวพระจันทร์ น้ำทะเลมีสีเขียวสดใสดั่งมรกต ตัดผ่านกับหาดทรายสีขาวบริสุทธิ์เหมือนผงแป้ง ที่เรียกร้องให้นักท่องเที่ยวอยากมาสัมผัสบรรยากาศที่ท้องทะเลแสนงดงามแห่งนี้ด้วยตาตัวเอง

 

3. หาดพระนาง จังหวัดกระบี่

3--1

3--2

3--3

3--4

3--5

หาดพระนาง นับว่าเป็นหาดทรายที่มีความสวยงดงามติดอันดับต้นๆ ของโลกเลยก็ว่าได้ ส่วนไฮไลท์ที่สำคัญอยู่ที่ถ้ำพระนาง ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ตามตำนานความรักเก่าแก่ที่เล่าขานกันมาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมให้ร่วมสนุกอีกมากมาย อาทิเช่น กิจกรรมปีนเขา พร้อมด้วยครูฝึกสอนที่มีความชำนาญสำหรับนักปีนเขามือใหม่ รวมทั้งสามารถดื่มด่ำไปกับหาดทรายขาวละเอียด น้ำทะเลสีฟ้าใสแจ๋ว และธรรมชาติที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์ไว้ได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม อาจจะเพราะหาดพระนางแห่งนี้เป็นเกาะที่ต้องนั่งเรือเข้าไป จึงทำไมยังไม่โดนฝีมือมนุษย์ทำลายธรรมชาติเท่ากันหาดที่ติดถนนอื่นๆ

 

4. หาดป่าตอง จังหวัดภูเก็ต

4--1

4--2

4--3

แค่เอ่ยชื่อ หาดป่าตอง ทุกคนก็คงรู้จักกันดีอยู่แล้ว เพราะนอกจากจะมีหาดทรายที่ขาวทอดยาวกว่า 3.5 กิโลเมตรแล้ว ยังมีน้ำทะเลใสดั่งกระจกที่สะอาดให้ลงเล่นดับความร้อนกันอีกด้วย แถมนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบปาร์ตี้สุดเหวี่ยงหรือความบันเทิงที่ครบทุกรูปแบบ หาดป่าตองแห่งนี้ก็มีจัดให้คุณได้ไม่ขาดตกบกพร่องเลยทีเดียว หรืออาจใครสนใจกิจกรรมแอคเวนเจอร์อย่างการเล่นสกี หรือดำน้ำชมหมู่ฝูงปลา ปะการัง ก็มีไว้คอบบริการเช่นกัน เรียกได้ว่าเป็นหาดที่พร้อมสรรพไปด้วยความสะดวกสบายอีกแห่งหนึ่ง

 

5. หาดริ้น จังหวัดสุราษฎร์ธานี

5--1

นักท่องเที่ยวรู้จักหาดริ้นเป็นอย่างดีในเรื่องสถานที่จัดงานฟูลมูนปาร์ตี้  งานปาร์ตี้สุดเหวี่ยงของบรรดาวัยรุ่นและนักดื่มทุกท่าน แต่นอกจากจะเป็นสถานที่จัดงานปาร์ตี้ชื่อดังก้องโลกแล้ว หาดริ้นยังมีทัศนียภาพที่สวยงดงามตัวหาดมีภูเขาแบ่งกั้นน้ำทะเลออกเป็นสองฟากฝั่ง มีจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นและตกในบริเวณเดียวกัน รวมทั้งบนหาดริ้นยังมีความบันเทิง ที่พัก และร้านค้ามากมานให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชมอย่างเต็มอิ่ม จนสนุกสนานลืมเวลาบนหาดริ้นที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ไปได้เลย

 

6. อ่าวประมง จังหวัดสตูล

6--1

6--2

อ่าวประมง หรือ Sunset Beach เป็นส่วนหนึ่งของเกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล เป็นเกาะขนาดเล็กที่มีความเงียบสงบมาก ส่วนไฮไลท์ที่สำคัญคือ จุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่มาสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนและเป็นความสวยงามที่หาคำบรรยายไม่ได้ ส่วนบรรยากาศรอบๆ ต้องบอกเลยว่าเด็ดไม่แพ้กันเลยค่ะ เพราะนอกเกาะจะถูกล้อมรอบไปด้วยภูเขาที่เขียวชอุ่มแล้ว ยังมีหาดทรายสีขาวเนื้อละเอียดยื่นออกไปอีกด้วย เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้ยลโฉมและถ่ายรูปสวยๆ ท่ามกลางน้ำทะเลสีฟ้าสดใสอีกด้วย

 

7. หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

7--1

7--2

7--3

หัวหิน จัดว่าเป็นสถานที่ใกล้กรุงเทพฯ ที่ใครไม่อยากเดินทางท่องเที่ยวไกลๆ รวมถึงมีข้อจำกัดเรื่องระยะเวลา หัวหินจึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งที่คุณสามารถสัมผัสได้ถึงบรรยากาศท้องทะเลอันกว้างขวางสุดสายตา สายลมทะเลที่โชยชิลผ่านหาดทรายยาวกว่า 8 กิโลเมตร อีกทั้งหัวหินยังมีความพิเศษตรงที่มีบรรยากาศ 2 สไตล์ ให้คุณได้สัมผัสในเวลาเดียวกัน โดยที่ฟากหนึ่งเป็นทะเลบวกกับธรรมชาติที่สวยงาม ส่วนอีกฟากเป็นวิถีชีวิตของคนเมือง มีทั้งตลาดโต้รุ่งพร้อมของกินแสนอร่อยละลานตา ตึกรามบ้านช่อง โรงแรมรีสอร์ท ทุกระดับชั้นที่รอให้บริการคุณตลลอด 24 ชั่วโมง จัดได้ว่าเป็นทะเลที่สวยงามใกล้กรุงเทพฯ ที่มีความสะดวกสบายที่สุดอีกแห่งหนึ่งก็ว่าได้

 

8. หาดทรายรี จังหวัดชุมพร

8--1

หาดทรายรี เป็นส่วนหนึ่งของเกาะเต่า ทะเลที่ขึ้นชื่อแห่งหนึ่งทางภาคใต้ของประเทศไทย จุดเด่นของหาดทรายรีอยู่ที่หาดทรายสีขาวละเอียดดั่งแป้งขาวละเอียดตลอดระยะทางกว่า 1.6 กิโลเมตร น้ำทะเลมีสีฟ้าใสแจ๋ว ส่วนริมชายหาดที่ต้นมะพร้าวสามารถเพิ่มบรรยากาศให้ท้องทะเลให้มีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น อีกทั้งบนเกาะแห่งนี้ยังมีไนต์คลับและบาร์ไว้คอยบริการนักท่องเที่ยวอีกด้วย หรือคนที่ชื่นชอบการผจญภัยใต้น้ำ ทางเกาะเต่าก็มีบริการดำน้ำดูหมู่ฝูงปลาน้อยใหญ่ ปะการังหลากสีสันให้ร่วมเปิดประสบการณ์การท่องเที่ยวอีกด้วย

 

9. หาดละไม จังหวัดสุราษฎร์ธานี

9--1

9--2

สำหรับใครที่อยากเที่ยวทะเลแบบเงียบสงบ รวมไปถึงสัมผัสบรรยากาศสบายๆ จากทะเลแบบเต็มอิ่มโดยที่ไม่ต้องแก่งแย่งกับใครที่ไหน หาดละไมสามารถตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้เป็นอย่างดีทีเดียว หาดละไม ตั้งอยู่บนเกาะสมุยนับได้ว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย แม้จะมีหาดทรายที่ไม่กว้างขวางเท่าไรนัก แต่ก็ถือว่าเป็นหาดที่สะอาดสะอ้าน เงียบสงบ น้ำทะเลก็เป็นสีฟ้าสดใส แถมยังมีกิจกรรมพายเรือคายัก เรือใบ ร้านอาหาร บาร์ ร้านค้า และที่พักมากมายไว้รองรับนักท่องเที่ยวอย่างพร้อมสรรพ

 

10. เกาะนางยวน จังหวัดสุราษฎร์ธานี

10--4

10--2

10--3

10--1

เกาะนางยวน นับได้ว่าเป็นเกาะที่มีความสวยอันดับต้นๆ ของโลกเลยทีเดียว แม้ว่าเป็นเกาะขนาดเล็กๆ แต่มีความพิเศษตรงที่เชื่อมต่อระหว่างเกาะเล็กๆ ทั้งสามด้วยหาดทรายสีขาวละเอียดนุ่มเท้า มองดูเผินๆ ก็เหมือนกันสะพานหาดทรายที่ธรรมชาติได้รังสรรค์ให้มนุษย์ทึ่งกับความงดงาม นอกจากนี้แล้วบนเกาะนางยวนยังมีจุดชมวิวไว้สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการดูพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าและพระอาทิตย์ตกในยามเย็นไว้คอยบริการด้วย ส่วนน้ำทะเลและหาดทรายคงไม่ต้องบรรยายหรอกเนอะ เพราะแค่พิสูจน์ด้วยภาพก็อยากไปเยือนใจจะขาดอยู่แล้ว

 

 

ท่านคงได้ชื่นชอบกับท้องทะเลแสนสวยทั้ง 10 ที่ในประเทศไทยมาแล้ว ตอนนี้คงจะมีคำตอบอยู่ในใจแล้วว่า จะออกไปสัมผัสทะเลไหนในช่วงวันหยุดนี้ เพราะทั้งหมดที่ได้แนะนำไปก็น่าสนใจไม่เบาเลยทีเดียว เอาเป็นว่าอย่าลืมออกเดินทางไปสัมผัสกันนะคะ และยังถือว่าเป็นการร่วมค้นหาเสน่ห์ของเมืองไทยอีกด้วย

 

เรียบเรียงโดย  www.hotelandresortthailand.com

กินลม ชมสะพานกับ 8 สะพานไม้แสนคลาสสิคในไทย

 

หากจะพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวหลายคนคงนึกถึงสถานที่ต่างๆ ทั้งสถานที่สำคัญหรือไม่ก็สถานที่ซึ่งมีความสวยงดงาม แต่ใครจะรู้ว่า สะพายสวยๆ ท่ามกลางบรรยากาศดีๆ ก็ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจได้เช่นกัน และวันนี้ขอพาทุกท่านไปชื่นชมความสวยงามของสะพานไม้ในแดนสยามกันค่ะ ซึ่งนอกจากความเป็นมาของแต่ละสะพานจะได้รับความน่าสนใจแล้ว บรรยากาศรอบๆ ด้านยังคงงดงามเหมาะแก่การมาเยี่ยมเยือนมากทีเดียว ล่วนจะเป็นสะพานที่ไหนบ้างลองไปดูกันเลยดีกว่าค่ะ

 

1--1

1--2

1--3

สะพานแขวนแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี

สะพานแขวนแก่งกระจาน ตั้งอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ที่มีพื้นที่ครอบคลุมอำเภอหนองหญ้าปล้อง อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี และอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งนับได้ว่าเป็นอุทยานที่มีพื้นที่มากที่สุดในประเทศไทยอีกด้วย ด้วยสภาพพื้นที่ป่าที่อุดมสมบูรณ์รวมถึงเป็นป่าต้นน้ำของแม่น้ำเพชรบุรีและแม่น้ำปราณบุรี แถมยังมีลักษณะเด่นๆ ทางธรรมชาติที่สำคัญอยู่หลายแห่ง อาทิเช่น ทะเลสาบ น้ำตก ถ้ำ หนน้าผาที่สวยงาม รวมไปถึงสะพานไม้ที่ถือว่าเป็นจุดชมวิวที่สวยงามมากๆ ในแก่งกระจาน โดนเฉพาะในช่วงฤดูหนาวนักท่องเที่ยวสามารถชื่นชมทะเลหมอกสวยๆ ได้จากสะพานไม้แห่งนี้อีกด้วย

 

2--2

2--3

2--4

2--5

สะพานซูตองเป้ จังหวัดแม่ฮ่องสอน

สะพานซูตองเป้ เป็นสะพานไม้เก่าแก่ที่เกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของพระ เณร และชาวบ้านในบริเวณนั้นได้ร่วมกันสร้างสะพานแห่งนี้ขึ้น เพื่อเป็นเส้นทางสำหรับการเดินทางไปทำบุญหรือปฏิบัติธรรมที่สวนธรรมภูสมะ และคำว่า “ซูตองเป้” เป็นภาษาไทยมีความหมายถึง “อธิษฐานสำเร็จ” สะพานแห่งนี้จึงเต็มไปด้วยเสน่ห์และมนตร์ขลัง นอกจากนี้ไฮไลท์ที่สำคัญเมื่อได้มาเยือนสะพานซูตองเป้คือ วิวสวยๆ สองข้างทางที่เต็มเปี่ยมไปด้วยทุ่งนาสีเขียวอันเขียวขจีซึ่งสร้างความสดชื่นให้แก่ผู้มาเยือนได้เป็นอย่างมาก

 

3--1

3--2

สะพานไม้ข้ามหนองแกดำ จังหวัดมหาสารคาม

สะพานไม้ข้ามหนองแกดำ ถือได้ว่าเป็นสะพานไม้ที่เก่าแก่อีกแห่งหนึ่งของจังหวัดมหาสารคาม มีความยาวเกือบๆ 1 กิโลเมตร ทัศนียภาพโดยรอบเต็มไปความสวยงดงามของบึงบัวที่เป็นหนองน้ำขนาดใหญ่ ในยามเข้าอากาศค่อนข้างสดชื่นเย็นสบายเหมาะแก่การเที่ยวพักผ่อนหรือสามารถถ่ายภาพสวยๆ ได้อีกด้วย และในช่วงที่ดอกบัวพร้อมใจกันเบ่งบานเป็นสีชมพู ทำให้สะพานไม้แห่งนี้อบอวลไปด้วยความโรแมนติกสุดๆ

 

4--1

4--2

4--3

4--4

สะพานไม้ทุ่งโปรงทอง ปากน้ำประแส จังหวัดระยอง

สะพานไม้ทุ่งโปรงทอง ปากน้ำประแส ตั้งอยู่ที่ตำบลปากน้ำประแส ซึ่งเป็นชุมชนริมแม่น้ำตั้งแต่สมัยอยุธยา บริเวณนี้นับได้ว่าเป็นจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากอีกแห่งหนึ่ง ได้แก่ ชายหาดแหลมสน ชายหาดประแส รวมไปถึงสะพานไม้ชมป่าชายเลน ทุ่งโปรงทอง ซึ่งเป็นสะพานไม้ที่ถูกสร้างจากเงินกองทุนหมู่บ้าน และทอดแนวยาวลัดเลาะไปตามแนวต้นโกงกาง และไปบรรจบกับปลายสะพานทุ่งโปรงทอง โดยที่สะพานแห่งนี้ทอดยาวไปสิ้นสุดที่ทะเลประแส แถมในยามค่ำคืนบริเวณใกล้เคียงยังเป็นสถานที่ชมหิ่งห้อยอีกด้วย

 

5--1

5--2

5--3

สะพานมอญ สังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี

สะพานอุตตมานุสรณ์ หรือเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในชื่อ “สะพานมอญ” ซึ่งถูกสร้างขึ้นโดยดำริของ หลวงพ่ออุตตมะ เจ้าอาวาสวัดวังก์วิเวการาม ในปี พ.ศ. 2529 – 2530 โดยการสร้างสะพานแห่งนี้ใช้แรงงานชาวมอญ เพื่อเป็นสะพานข้ามแม่น้ำซองกาเรีย รวมไปถึงยังใช้เป็นเส้นทางสัญจรไปมาของชาวมอญและชาววไทยที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้นอีกด้วย และในปัจจุบันก็ได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดกาญจนบุรี

 

6--1

6--2

6--3

สะพานไม้บึงบัว เขาสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

สะพานไม้บึงบัว แห่งนี้ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด มีลักษณะภูมิประเทศเป็นเทือกเขาหินปูนที่ทอดตัวเป็นแนวยาวขนานไปกับชายฝั่งทะเลอ่าวไทย ด้วยความหลากหลายทางธรรมชาติทั้งหาดทราย หาดเลนโคลน เวิ้งอ่าว ป่าชายเลน ลำคลอง ทุ่งน้ำจืดธรรมชาติ รวมไปถึงบึงบัวขนาดใหญ่ ที่นี่จึงกลายเป็นแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์ของเหล่านกน้ำ นกชายเลน และนกทะเล รวมไปถึงสามารถพบนกในพื้นที่กว่า 300 ชนิดได้อีกด้วย และจุดชมวิวสวยๆ อยู่บริเวณ “สะพานไม้บึงบัว” โดยเฉพาะในช่วงที่ดอกบัวหลวงบานสะพรั่งเต็มที่ทั่วทุ่ง สะพานไม้แห่งนี้ยิ่งงดงามราวกับดินแดนในเทพนิยายเลยทีเดียว

 

7--1

7--2

7--3

สะพานข้ามลำน้ำงาว หรือสะพานโยง จังหวัดลำปาง

สะพานข้ามลำน้ำงาว หรือสะพานโยง สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2469 และเปิดใช้อย่างเป็นทางการเมื่อปี พ.ศ. 2471 โดยที่ตัวสะพานมีความยาว 80 เมตร กว้าง 4 เมตร เสากระโดงสองฝั่งสูง 18 เมตร ซึ่งนับได้ว่าเป็นสะพานเหล็กแขวนที่ใช้รอกดึง ไม่มีเสากลาง วางโครงเหล็กเหมือนทางรถไฟโดยใช้ไม้หมอนเรียงเป็นลูกระนาด ปูไม้กระดาษทับเฉพาะช่วงล้อรถยนต์ มีทางเดินเท้าทั้งสองฝั่ง และใช้สลิงยึดตลอดตัวสะพาน ซึ่งในปัจจุบันนี้เปิดให้เฉพาะการเดินข้ามฟากเท่านั้น ไม่อนุญาตให้นำรถยนต์หรือรถเตอร์ไซต์ผ่านโดนเด็ดขาด เนื่องจากจะทำการให้ตัวสะพานชำรุดเสียหายได้

 

8--1

8--2

สะพานแขวนสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี จังหวัดตาก

สะพานสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี หรือเรียกว่า “สะพานแขวน” ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2525 โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดตาก เพื่อสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี โดยมีขนาดกว้าง 2.50 เมตร และยาว 700 เมตร เพื่อเชื่อมไปยังเมืองตากกับตำบลป่ามะม่วง ซึ่งบนสะพานยังมีทางเท้าไว้สำหรับเดินชมทิวทัศน์แม่น้ำปิงอีกด้วยในระยะทางยาวประมาณ 400 เมตร รวมไปถึงมีการประดับไฟให้สวยงามในยามค่ำคืน อีกทั้งยังเป็นจุดสำคัญสำหรับจัดงานประเพณีลอยกระทงโดยเป็นกระทงที่ทำมาจากะลามะพร้าวไปตามแม่น้ำปิง ซึ่งในช่วงประเพณีดังกล่าวจะมีนักท่องเที่ยวมาเยือนสะพานแขวนสมโภชฯ กันอย่างเนืองแน่เลยทีเดียว

 

 

เชื่อเลยว่ายังมีนักท่องเที่ยวอีกหมายคนที่ยังไม่เคยเห็นเมืองไทยในมุมแบบนี้มาก่อน รวมทั้งสะพานสวยๆ เหล่านี้ด้วยที่ควรค่าแก่การไปเยี่ยมเยือนอย่างมาก เพราะนอกจากบรรยากาศรอบด้านที่แสนสดชื่นและความเป็นธรรมชาติของพื้นที่แล้ว ยังถือได้ว่าหาแบ็คกราวด์สวยๆ ในการถ่ายภาพอีกด้วย ถือได้ว่าเป็น Unseen ที่ไม่ควรพลาดแก่การเป็นเยือนอย่างยิ่ง

 

เรียบเรียงโดย  www.hotelandresortthailand.com

ทะเลหมอกแห่งฝั่งอันดามัน “เขาไข่นุ้ย” จ.พังงา

 

649-ทะเลหมอก11

 

ใครๆ มักจะบอกว่า “ถ้าอยากชมทะเลหมอก ต้องขึ้นไปดอยสูงภาคเหนือ ไม่ก็ภาคตะวันตก” แต่นักท่องเที่ยวบางคนลืมไปแล้วว่าทางภาคใต้ก็มีทะเลหมอกให้ยลโยมได้ไม่แพ้ที่อื่นๆ เลยทีเดียว อย่างเช่น “เขาไข่นุ้ย” หรือ “ภูไข่นุ้ย” จังหวัดพังงา  นับว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดที่รอให้นักท่องเที่ยวมาเยือน

 

650-ทะเลหมอก12

654-พระอาทิตย์ขึ้น19

 

เขาไข่นุ้ย ตั้งอยู่ที่บ้านฝายท่า ต.ทุ่งมะพร้าว อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา เป็นจุดชมทะเลหมอกฝั่งอันดามันที่มีชื่อเสียงอีกจุดหนึ่งของภาคใต้ที่เพิ่งเปิดตัวได้ไม่นาน โดยเขาไข่นุ้ยมีความสูงประมาณ 200 เมตรจากระดับน้ำทะเล บนยอดเขาไข่นุ้ยจะมีจุดชมวิวทะเลหมอกที่สามารถมองเห็นได้ในมุมกว้างไกล ส่วนจุดด้านล่างจะมีต้นไม้ขึ้นเป็นฉากหน้า สามารถมองลงไปเห็นทะเลหมอกสีขาวคลอเคลียปกคลุมทิวเขาน้อยใหญ่ โดยที่มีเขาลูกสูงไล่ระดับเป็นมิติสลับซ้อนกันไปมา เมื่อแสงพระอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องกระทบกับทะเลหมอกที่ลอยอยู่เบื้องล่างนับเป็นภาพที่สวยงดงามเกินคำบรรยาย สำหรับกลุ่มเขาลูกน้อยใหญ่ที่เห็นเบื้องหน้า มีแนวเขาลำแก่น เขากะปง เขาพังงา และแนวเทือกเขาภูตาจอที่ตั้งอยู่ตระหง่านในแนวหลังสามารถมองเห็นได้อย่างเด่นชัดสุดๆ สำหรับชื่อที่มาของ “เขาไข่นุ้ย” นี้ตั้งตามชื่อคนที่ค้นพบ คือบังไข่กับบังนุ้ย ซึ่งแต่ก่อนเขาลูกนี้ไม่มีชื่อเรียกที่เป็นทางการ เป็นพื้นที่สวนยางของชาวบ้านบริเวณนั้น บังไข่ หรือ “ศักดิ์ แคล่วคลอง” มีพื้นที่สวนยางอยู่ทางฝั่งตะวันตกหรือฝั่งทะเลอันดามัน ส่วนบังนุ้ย หรือ “นุ้ย นิ่งราวี” มีพื้นที่สวนยางอยู่ทางฝั่งตะวันออกหรือฝั่งภูตาจอ จากนั้นเมื่อไม่นานมานักได้มีนักศึกษาจากลาดกระบังมาทำกิจกรรมแล้วพักค้างแรมอยู่ในชุมชน บังทั้งคู่ก็ได้นำนักศึกษาเหล่านั้นขึ้นไปชมทะเลหมอกบนยอดเขา นักศึกษาจึงตั้งชื่อเขาลูกนี้ว่า “ภูไข่นุ้ย” ตามชื่อเล่นของบังไข่และบังนุ้ย ซึ่งมีพื้นที่สวนยางอยู่ติดกับพื้นที่ยอดเขา เมื่อเขาลูกนี้เปิดตัวเป็นแหล่งท่องเที่ยวจุดชมทะเลหมอกอันสวยงดงามแห่งใหม่ของภาคใต้ ทางผู้ว่าราชการจังหวัดพังงาก็ได้มีโอกาสมาสำรวจพื้นที่ยอดเขาลูกนี้ เพื่อประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวแห่งใหม่ จึงได้เสนอแนะให้ทาง อบต.ทุ่งมะพร้าว ว่าน่าจะเปลี่ยนชื่อเป็น “เขาไข่นุ้ย” เพราะชื่อภูนั้นฟังออกไปทางภาคอีสานหรือภาคเหนือซะมากกว่า

 

645-ถ่ายภาพ6

653-พระอาทิตย์ขึ้น14

643-กิจกรรมถ่ายภาพ3

 

เขาไข่นุ้ยแห่งนี้ยังมี 5 สิ่งมหัศจรรย์ที่ไม่แพ้ดอยหรือภูทางตอนบนของประเทศ หรือที่อื่นๆ เลย นั่นก็คือ 1.พระอาทิตย์ขึ้น 2.พระอาทิตย์ตก 3.ทะเลหมอก 4.ทะเลอันดามัน และ 5.วิวทิวเขา ที่เรียงรายสวยงามโดดเด่นเป็นตระหง่านจนสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน แถมยังมีอากาศที่เย็นสบายคล้ายภาคเหนือ จึงไม่แปลกที่นักท่องเที่ยวนิยมมาชื่นชมความงดงามและความโรแมนติกของสถานที่แห่งนี้

 

646-ทะเลดาว

652-พระอาทิตย์ขึ้น4

 

ดังนั้นการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จึงได้ร่วมผลักดันให้ เขาไข่นุ้ย เป็นจุดชมทะเลหมอกของภาคใต้ ซึ่งในเวลานี้กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ด้วยเพราะมีทะเลหมอกให้ชมตลอดทั้งปี ไม่เว้นแม้แต่ฤดูร้อน หากจะเดินมาชมทะเลหมอกแนะนำให้มาในช่วงที่มีคลื่นทะแลสงบเท่านั้น นักท่องเที่ยวถึงจะได้เห็นปุยสีขาวของทะเลหมอกบนเขาไข่นุ้ยแห่งนี้ได้อย่างชัดเจน

 

648-ทะเลหมอก9

 

สำหรับการเดินทางไปยังเขาไข่นุ้ยนั้น นักท่องเที่ยวสามารถติดต่อสอบถามที่ อบต.ทุ่งมะพร้าว ได้เลย เนื่องจากเขาไข่นุ้ยอยู่ห่างจากที่ทำการ อบต.ทุ่งมะพร้าว เพียง 4 กิโลเมตร แต่ด้วยเป็นถนนลูกรัง 3 กิโลเมตร การเดินทางจึงต้องใช้รถขับเคลื่อน 4 ล้อขึ้นไป เพราะมี 2 ช่วงสุดท้ายก่อนถึงนั้นไม่ได้มีการปรับถนนเส้นทางจึงมีความลาดชันมาก แต่ก็เป็นแค่ช่วงสั้นๆ เท่านั้น โดยที่นักท่องเที่ยวต้องมาต่อรถเปลี่ยนเป็นรถโฟรวิว ที่ทาง อบต.ทุ่งมะพร้าว จัดเตรียมไว้ให้ แล้วเดินทางขึ้นสู่ยอดเขาในอัตราค่าบริการรถขึ้น – ลง หากเหมาทั้งคันคิดคันละ 600 บาท นั่งได้ 6 ท่าน หรือถ้ามีจำนวนที่มากกว่านั้นเช่น 10 คนจะคิดราคา 800 บาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับจำนวนคนที่ต้องการจะเหมาด้วย

 

647-ทะเลหมอก4

644-ถ่ายภาพ3

 

เรียบเรียงโดย  www.hotelandresortthailand.com

ขอขอบคุณรูปภาพจาก : องค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งมะพร้าว

ตามรอยภาพยนตร์รักจัง ฟังเสียงธาร ที่ “น้ำตกผาดอกเสี้ยว”

 

G7505590-21

 

ถ้ากล่าวถึง อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ หรือที่หลายๆ คนมักเรียกสั้นๆ ว่า ดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ ที่ได้รับความกล่าวขานในเรื่องความสวยงดงามของธรรมชาติ น้ำตก ทิวเขา หรือแม้กระทั่งความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่า

 

แต่วันนี้ขอพานักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบธรรมชาติออกไปสัมผัสความงดงามแห่งหนึ่งของอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ และสถานที่แห่งนี้เคยเป็นสถานที่ถ่ายภาพยนตร์ไทยแนวโรแมนติคอย่างเรื่อง “รักจัง” ที่นำแสดงโดย ฟิลม์ รัฐภูมิ และพอลล่า เทเลอร์ หลังจากที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ออกฉายแล้วนั้น สถานที่แห่งนี้จึงกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่ได้รับความนิยมมากจนถึงปัจจุบันนี้สำหรับผู้ที่รักและชื่นชอบการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ ใช่แล้วค่ะ!! กำลังเอ่ยถึง “น้ำตกผาดอกเสี้ยว” หรือ “น้ำตกรักจัง” ที่หลายคนนิยมเรียกตามชื่อของภาพยนตร์ดังกล่าว น้ำตกผาดอกเสี้ยว ตั้งอยู่ที่บ้านแม่กลางหลวง ตำบลบ้านหลวง อำเภอจองทอง จังหวัดเชียงใหม่ รวมทั้งตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์

 

G7505590-20

211620-50cc9a0eb8717

 

น้ำตกผาดอกเสี้ยว เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่สวยงดงามมากอีกแห่งหนึ่ง ที่ถูกหลบซ้อนสายตาจากนักท่องเที่ยว และภายใต้ความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าแห่งนี้ เพราะการที่จะเข้าไปพิสูจน์ความงดงามของน้ำตกผาดอกเสี้ยวได้นั้น จะต้องเดินเท้าเข้าไปจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 1 กิโลเมตร จึงจะสามารถพบกับน้ำตกผาดอกเสี้ยวในชั้นแรกได้

 

1a19a3bb040ee537503421ae826b8a50

fa48089e3b1335cd4c8634e0087238c8

646803-img-1355560004-15

 

น้ำตกผาดอกเสี้ยว หรือ น้ำตกรักจัง มีทั้งหมด 10 ชั้น แต่นักท่องเที่ยวสามารถเดินเยี่ยมชมได้เพียง 3 ชั้นเท่านั้น ได้แก่ ชั้นที่ 7, 8 และชั้นที่ 9  ส่วนชั้นที่ 10 อยู่เหนือเส้นทางเดินขึ้นไปในแปลงดอกเบญจมาศของชาวบ้าน และในชั้นที่ 6 ได้ถูกปิดเส้นทางไม่ให้มีการผ่านเนื่องจากชั้นนี้มีความอันตรายมาก เส้นทางการเดินส่วนใหญ่เป็นทางราบ ยกเว้นช่วงใกล้น้ำตกจะมีความลาดชัน แต่ไม่มากยกเว้นบางช่วงที่ค่อนข้างชันมากเป็นพิเศษต้องใช้ความระมัดระวังให้กันเดิน ส่วนชั้นที่เป็นไฮไลท์ที่ได้ในการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องรักจังคือชั้นที่ 7 ที่มีสะพานไม้ทอดตัวอยู่ด้านหน้าน้ำตก และด้วยสายน้ำจากน้ำตกชั้นบนที่ไหลตกลงมากระทบกับน้ำตกชั้นล่างที่มีความสูงประมาณ 20 เมตร จนเกิดเป็นสายน้ำสีขาว ฟูฟ่อง งดงามเกินคำบรรยาย  อีกทั้งยังมีสะพานไม้ไว้ให้นักท่องเที่ยวเดินข้ามลำธารที่ช่วยทำให้ความสวยงดงามของน้ำตกผาดอกเสี้ยว น่ามองเข้าไปอีกตามแบบฉบับที่ได้ชมในภาพยนตร์เรื่อง รักจัง ส่วนที่มาของชื่อ น้ำตกผาดอกเสี้ยว มาจากชื่อ ต้นเสี้ยว ซึ่งเป็นไม้เด่นบริเวณน้ำตกนั่นเอง

 

1382586075-MG0159-o

e2c92f0f411fa587d4f37d07f80fb52f

 

อย่างไรก็ตาม นอกจากนักท่องเที่ยวจะได้ชื่นชมความสวยงามของน้ำตกผาดอกเสี้ยว แล้ว ยังได้ศึกษาและชื่นชมธรรมชาติตลอดสองข้างทางได้ เพลิดเพลินไปกับนาขั้นบันไดบ้านแม่กลางหลวงที่หาชมได้ยากเต็มที รวมไปถึงวิถีชีวิตของชาวปกาเกอญอ ที่เลื่องชื่อในด้านการอนุรักษ์อีกด้วย นอกจากนั้นนักท่องเที่ยวยังมีโอกาสแวะชมไร่กาแฟอราบริกา พร้อมแวะชิมกาแฟแม่กลางหลวงในลักษณะการชงแบบพื้นเมืองที่มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ซึ่งเกิดจาการคั่วบดเอง หากได้ลองชิมแล้วติดใจก็สามารถหาซื้อเมล็ดกาแฟกลับไปได้ด้วยเช่นกัน ส่วนดงดอกเสี้ยวซึ่งเป็นที่มาของชื่อน้ำตกผาดอกเสี้ยวนั้น จะอยู่ไม่ไกลจากบริเวณน้ำตกมากนัก โดยจะออกดอกให้ชมในเดือนเมษายนของทุกปี

 

1384691089-SCL3723111-o

1384691115-SCL3711-o

1384691176-SCL3616-o

121129110831893

 

การเดินทาง

  • การเดินทางโดนรถยนต์ส่วนตัว : สามารถเดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ ตามเส้นทางหลวงหมายเลข 108 (เชียงใหม่ – ฮอด) ผ่านอำเภอหางดง อำเภอสันป่าตอง ไปยังอำเภอจอมทอง ก่อนถึงอำเภอจอมทองประมาณ 2 กิโลเมตร ให้เลี้ยวขวาตามทางหลวงจังหวัดหมายเลข 1009 (จอมทอง – ดอยอินทนนท์) อีกประมาณ 26 กิโลเมตร จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าสู่บ้านแม่กลางหลวง และสามารถเดินเท้าไปยังน้ำตกผาดอกเสี้ยว ได้เลย โดยเริ่มจากที่แม่กลางหลวง
  • การเดินทางโดยรถประจำทาง :

– จากกรุงเทพฯ นั่งรถสาย กทม. – จอมทอง ซึ่งมีทั้งรถ ปอ.1 และ ปอ.2 หลังจากนั้นให้ต่อรถสองแถวที่อำเภอจอมทอง

– จากจอมทอง นั่งรถสอยจอมทอง – แม่แจ่ม เป็นรถสองแถวสีเหลือง คิวรถจะอยู่ที่ข้างวัดพระธาตุศรีจอมทอง โดยที่รถจะออกก็ต่อเมื่อผู้โดยสารเต็ม รถจะผ่านเข้าเส้นทางไปอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ แล้วบอกคนขับว่า ลง กม. ที่ 26 บ้านแม่กลางหลวง หลังจากนั้นก็เดินเข้าไปในหมู่บ้านอีกประมาณ 500 เมตรก็จะถึงบ้านแม่กลางหลวง

 54eb1b7984c41c6e9adc3bcb7c2fb361

 

เรียบเรียงโดย  www.hotelandresortthailand.com

ขอขอบคุณรูปภาพจาก :  Nai_Sailom , Lek thongkham , Voraphon Jaraskittikorn , kairatfern@gmail.com 88408840 , Chotiwut Techakijvej ,  ชายเก็บแสง

เรื่องราวท่องเที่ยว By Hotel&Resort