ตื่นเต้นดีใจที่จะได้ไปพักที่ “ไฮแอท รีเจนซี่ หัวหิน” เนื่องด้วยที่นี่เป็นรีสอร์ทระดับ 5 ดาว ที่ว่ากันว่าเป็นหาดที่ยาวที่สุดในหัวหิน แล้วยังมีสปาสุดอลังการงานสร้าง “ เดอะ บาราย” สัปดาห์นี้เราต้องสุขและสนุกสุดๆเลยหล่ะ เริ่มต้นด้วยการ check in ที่ล็อบบี้ซึ่งก็รวดเร็วทันใจ ไม่ต้องรอนาน
ห้องพักที่เราพักจะเป็นห้อง Club King ห้องพักที่ มี benefit พิเศษดังนี้ คือเป็นห้องพักที่อยู่ในโซนเงียบสงบ มีเลาจน์ที่เปิดใช้บริการได้ตลอดทั้งวัน ช่วงเวลา 17.00 – 19.00 น. เสิร์ฟเครื่องดื่มไม่อั้น เบียร์ สปาร์คกลิ้ง ไวน์ขาว ไวน์แดง และซอฟท์ดริ้งค์ต่างๆ แถมหิวก็มี pre dinner อาหารพวกคานาเป้ แฮม ชีส เนยแข็ง ผลไม้ เค้ก คุ๊กกี้ รวมไปถึงอาหารทานจริงจังอย่างอาหารประเภทเส้นก๋วยเตี๋ยว สลัด และยำต่างๆ มีสระว่ายน้ำส่วนตัวของที่แม้จะเล็กแต่เงียบสงบกว่า ห้องอาหารเช้าที่คนน้อยกว่า ได้ความเป็นส่วนตัวสุดๆ ซึ่งห้องพักในโซน club จะราคาสูงกว่าห้องปกติ 2+++ บาท ซึ่งถึงว่าคุ้มค่ามากกับสิทธิพิเศษที่ได้รับ
หลังจากที่พักเหนื่อยเรียบร้อยแล้วเราก็เดินเล่นบริเวณรอบๆโรงแรม และได้พบว่าโรงแรมมีขนาดใหญ่มาก กว้างประมาณ 40 ไร่ สระว่ายน้ำสไตล์ลากูนขนาดใหญ่ 1 สระ มีสไลเดอร์ขนาดใหญ่ โซนสระเด็ก สนามหญ้า สนามเด็กเล่น ห้องอาหาร 4 ห้อง มีสปา สนามเทนนิส สนามกอล์ฟและเป้ายิงธนู
และหาดที่เราลงความเห็นว่าสวยที่สุดในหัวหิน ยาวตลอดแนวจรดเขาตะเกียบ ทรายนุ่มน่าเดินเล่น เย็นๆมีม้าให้ขี่ ได้บรรยากาศหัวหินจริงๆ
มา “ไฮแอท รีเจนซี่ หัวหิน” ทั้งที่จะพลาดทำสปาที่ “The Barai” ได้อย่างไร พูดถึง “The Barai” หลายคนต้องคิดว่าแพงแน่ๆ ทรีทเมนท์แต่ละตัว แต่เราจะบอกว่ามันไกลเกินเอื้อมค่ะ เพราะทรีทเมนท์สปาแบบนวด Aroma เริ่มต้นเพียง 2500++ เท่านั้น ถือว่าเป็นราคาที่ไม่เวอร์แบบที่คิด แถมยังมีความพิเศษที่แสนอลังการเพิ่มมาด้วย อย่างไรบ้างนั้น ไปดูกันเลย
“The Barai” เป็นสปาที่ได้แรงบันดาลใจในการสร้างมาจากนครวัด ประเทศกัมพูชา เพียงทางเข้าที่ทอดยาวก็ทำให้เราพบกับความสงบทางจิตใจได้อย่างประหลาด เพียงเดินดวงไฟที่จุดไว้นำทาง ค่อยๆเดินช้าๆ เป็นการเตรียมสมาธิเคลียร์จิตใจเราให้ว่างเปล่า เพียงเริ่มก็รู้สึกดีแล้วจริงๆ
กำแพงดาว แสงกระทบสวยเหลือเกิน คนออกแบบคือคุณเล็ก บุนนาค ได้ออกแบบไว้ให้ “The Barai” เป็นสถานที่ให้ผู้มาเยือนได้รับประสบการณ์ที่แตกต่างกันในการมาแต่ละช่วงเวลา เช้า บ่าย เย็น จะให้ความรู้สึกที่แตกต่าง อาจจะด้วยเพราะแสง เงา ความงามของ “The Barai” จึงมีเอกลักษณ์ที่เป็นเสน่ห์เฉพาะตัวของมันเอง
ทางเดินสู่ “The Barai” ดูยิ่งใหญ่ ในขณะเดียวกันเงียบสงบ ทำให้เรารู้สึกเหมือนว่าเราเป็นเพียงจุดเล็กๆของอาณาจักรที่แสนยิ่งใหญ่แห่งนี้
ดวงดาวพร่างพราวอยู่ทั่ว “The Barai”
ทางเดินที่เป็น step ช่วยให้เราเหมือนได้ทำสมาธิระหว่างก้าวเดิน และรอยคลื่นข้างทางเดินนั้น เค้าขีดไว้ให้เรารู้สึกเหมือนได้เดินท่ามกลางกระแสน้ำ
สปาที่เราเลือกวันนี้คือนวด Muscle Relief และนวดแบบ Swedish อย่างละ 1 ชั่วโมง โดยนวด Muscle Relief จะเป็นการนวดเพื่อคลายกล้ามเนื้อที่ตึงจากการทำงานหรือออกกำลังกาย เน้นใช้สวนข้อมือและข้อศอกในการยืดเส้น ส่วนนวด Swedish เป็นการนวดโดยใช้มือเคาะและสับ ทางสปามีให้เลือกหลายทรีทเมนท์นะคะ ลองเข้ามาเลือกได้เลย นวดหน้า 45 นาที ก็เริ่มต้นแค่เพียง 1500++
แขกที่ทำสปาจะได้ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าส่วนตัว ห้องอาบน้ำ และโซนพักผ่อนหลังทำทรีทเมนท์เสร็จ มันเป็นความพิเศษที่บอกได้เลยว่า ตั้งแต่ทำสปามาหลายที่ มีที่ “The Barai” ที่เดียวที่มีส่วนรับรองที่ Exclusive ขนาดนี้ เปิดห้องสปาเข้ามาก็ตะลึงเลยดาวหลากสีเปล่งประกายต้อนรับ
เลือกน้ำมัน Aroma สำหรับใครที่นวด Muscle Relief แนะนำให้เลือกขวดสีแดงซึ่งมีส่วนผสมของขิงและไพล ช่วยให้สดชื่นและคลายกล้ามเนื้อ ขวดสีเขียวหอมมะลิและส้ม ส่วนขวดสีม่วงเป็นกลิ่นลาเวนเดอร์
เริ่มต้นด้วยการล้างเท้า
จากนั้นจะเริ่มนวด ขอบอกเลยว่า 15 นาทีแรกนวดดีมาก แต่หลังจากนั้นรู้สึกตัวเป็นพักๆค่ะ เพราะว่าหลับสบายมาก กลิ่นหอมของน้ำมันอโรม่ายิ่งทำให้หลับเร็วขึ้น สบายจริงๆ
นวดเสร็จเรามีที่พักส่วนตัว จะแช่น้ำก็ได้นะคะ 1000++ แช่ได้ 30 นาที
มีผลไม้อบแห้งและน้ำชาบริการ
ห้องอาบน้ำส่วนตัว
จริงๆโซน “The Barai” มีห้องพักให้บริการด้วยค่ มีทั้งหมด 18 ห้อง หากจองห้องพักกับ “The Barai” ก็จะได้แพคเก็จทำสปาพร้อมกันด้วย มีการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม คือพักที่นี่ ทำทรีทเมนท์ที่นี่ มีคลาสโยคะ ดีท็อกซ์ แล้วทานอาหารที่ผ่านการปรุงแต่งน้อยที่สุดที่ Mcfarland Restaurant ซึ่งเย็นนี้เราก็จะไปทานอาหารเย็นที่นั่นกันค่ะ
Mcfarland Restaurant เป็นห้องอาหารที่สร้างในบ้านเก่ารัชสมัย ร.5 เดิมเคยเป็นบ้านของ Mr. George McFarland แพทย์ใหญ่โรงพยาบาลศิริราช ผู้เผยแพร่วิทยาการแพทย์สมัยใหม่ให้กับประเทศไทย จนได้ชื่อว่าบิดาแห่งแพทย์แผนปัจจุบัน โดยเรือนหลังนี้ยังคงได้รับการดูแลรักษาอย่างดี โดยคงไว้ซึ่งสถาปัตยกรรมแบบเดิม Mcfarland Restaurant ให้บรรยากาศการทานข้าวที่ค่อนข้างสบายๆ กับโต๊ะนั่งริมทะเล
อาหารเป็นสไตล์ฟิวชั่นเพื่อสุขภาพ โดยมีคอนเซปต์ที่ว่าจะปรุงแต่งให้น้อยที่สุด ดังนั้นจึงไม่มีสารพวกผงชูรส หรือเครื่องเทศอะไรมากนัก รสชาติของอาหารทำมาโดยให้วัตถุดิบโชว์รสความอร่อยตามธรรมชาติของตัวเองให้ได้มากที่สุด เริ่มกันเลยที่ appertizer จานเล็กๆน่ารัก Rice Cracker ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ว่าอร่อยมาก แครคเกอร์ข้าวกรอบ เข้ากันได้ดีกับส่วนผสมที่เป็นมะเขือเทศด้านบน
Mainจานแรกคือ George Bladley Burger เบอร์เกอร์เนื้อวัว เสิร์ฟพร้อมมันฝรั่งทอดและซอสสูตรเฉพาะของ McFarland จานนี้คือทานแล้วรู้เลยว่าเนื้อดีมาก แน่นๆไม่ผสมมัน ทานคู่กับชีส แตงกวาดองและหัวหอม เบอร์เกอร์ portion ค่อนข้างใหญ่ 1 ชิ้นก็จุกแล้ว คิดว่าสั่งอาหารมาแชร์กันหลายๆคนจะดีกว่า
Chilled Oysters หอยนางรมตัวขนาดพอดีคำ สดมาก รสชาติเค็มกำลังดี มีน้ำจิ้มซีฟู้ดมาให้ด้วย แต่รสจะไม่จัดจ้านนะคะ ใครชอบน้ำจิ้มรสแรงอาจจะไม่ถูกใจ แต่ถ้าชอบทานหอยนางรมแนะนำเลยค่ะ ฟินแน่นอนได้รสชาติที่ดีเยี่ยมของหอยนางรมคุณภาพดี
จานต่อไปชอบมาก อร่อยที่สุดเลย Sea Pearls หอยเชลล์ตัวใหญ่เบ้ง topping มาด้วยThai Tomato Relish ยกให้เป็นที่สุดของมื้อ
และ main จานสุดท้าย Roasted Pork Chop อบมาแบบ medium ได้รสชาติดีของเนื้อชูโรง ซอสรสชาติละมุน ไม่ทำลายความสดอร่อยตามธรรมชาติของเนื้อ แต่กลับทำให้เนื้อมีความหอมอร่อยยิ่งขึ้น
และของหวานเราสั่งตัวที่เป็น Signature นั่นคือMcFarland Crème Brûlée ที่เสิร์ฟมาพร้อมไอศครีมมะพร้าวและมีเนื้อมะพร้าวอบกรอบให้เราทานเล่นด้วย ลืมอ้วนไปเลยล่ะ รส Crème Brûlée ของเค้าเนื้อเนียนละมุนจริงๆ รสชาติหวานน้อยไม่แสบคอ
และ Sticky Tofee Pudding ที่สุดในใจของแจ้สำหรับของหวานมื้อนี้ ท๊อฟฟี่ พุดดิ้ง รสชาติเข้มข้นคาราเมล เหนียวหนึบสะใจ ทานคู่กับไอศครีมรสกล้วย ปิดท้ายแบบฟินนาเล่จริงๆ
สำหรับอาหารเช้าเพราะว่าเราติดใจ McFarland เราเลยเลือกไปทานที่นั่น ซึ่งปกติแล้วแขกที่ห้องโซน The Barai ถึงจะได้สิทธิทานอาหารเช้าที่นี่ แขกที่จองห้องพักพร้อม club benefit ก็จะได้ทานอาหารเช้าแบบบุฟเฟต์ที่ห้องอาหารหลักของโรงแรมคือ Figs หรือเลือกไปทานที่ห้องอาหารของโซนคลับก็จะได้บรรยากาศที่เป็นส่วนตัวกว่า
มาดูอาหารเช้าของ McFarland กันดีกว่า เมนูที่เสิร์ฟก็จะเป็นแบบ American Breakfast/ Continental หรือ แบบไทยๆ เลือกได้เลย แม้จะเป็นอาหารเช้าแบบ A la carte แต่สั่งได้ไม่จำกัดนะคะ ซึ่งเราเลือกสั่งข้าวผัดปู ไข่เจียวเนื้อปูแบบไทย ข้าวต้ม และCrushed Avocado อย่าลืมสั่งสมู้ตตี้ดื่มตอนเช้าด้วยนะ จะได้เพิ่มความสดชื่นเพื่อเริ่มต้นวัน
และด้วยของอร่อยที่มีมากมายในโรงแรม ไฮแอท รีเจนซี่ หัวหินแห่งนี้ เราก็อย่าได้ลืมสิทธิพิเศษในการใช้คลับของเรานะคะ ไปสำรวจกันดีกว่าค่ะว่าคลับมีอะไรให้ทานบ้าง อาหารเยอะมาก แบบนี้คือไม่ทานข้าวเย็นได้เลย pre dinner อันนี้เสิร์ฟช่วง 17.00 -19.00 น.
จบแล้ว 1 วันที่ “ไฮแอท รีเจนซี่ หัวหิน” เป็นวันหยุดที่ได้พักผ่อนเต็มที่อย่างแท้จริง
♥ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ♥
☎ หมายเลขโทรศัพท์: 032-521234
✉ อีเมลล์: huahin.regency@hyatt.com
◍ เวปไซต์: www.hyattregencyhuahin.com
▶ เฟซบุ๊ค: www.facebook.com/HyattRegencyHuaHin/
» เรียบเรียงโดย www.hotelandresortthailand.com