เรื่องทั้งหมดโดย admin

สุดยอดสถาปัตยกรรมไทยแลนด์ ‘วิหารสีน้ำเงิน วัดเสือร่องเต้น’ จังหวัดเชียงราย

อีกแหล่งท่องเที่ยวสำหรับสายบุญที่มีความงดงาม และน่าสนใจอีกแห่งหนึ่งก็คือ วัดเสือร่องเต้น จังหวัดเชียงราย เพราะที่นี่นอกจากจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เหมาะแก่ผู้ที่รักสงบและชอบทำบุญแล้ว ก็ยังมีวิหารที่แปลกตาและสวยงามอีกด้วยค่ะ เดิมทีแล้ววัดเสือร่องเต้นแห่งนี้เคยเป็นที่ตั้งของวัดร้าง ก่อนจะถูกบูรณะขึ้นมาใหม่เพื่อให้เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้านในบริเวณรอบๆวัดค่ะ  ซึ่งเริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2548 และสร้างเสร็จเมื่อ วันที่ 22 มกราคม 2559 รวมเวลาสร้างร่วม 10 ปี และถูกสร้างสรรค์ขึ้นโดย ฝีมือของศิลปินชาวพื้นบ้าน นายพุทธา กาบแก้ว หรือ สล่านก ศิษย์ และลูกมือของ อาจารย์เฉลิมชัย ผู้สร้างวัดร่องขุน

ซึ่งตัววิหารถูกสร้างด้วยศิลปะแนวศาสนาศิลป์ร่วมสมัยค่ะ และแฝงไว้ด้วยคติธรรมของพระพุทธองค์ นอกจากตัววิหารที่มีเอกลักษณ์เป็นสีน้ำเงินและทุกมุมภายในวัดจะเต็มไปด้วยผลงานศิลปะอันวิจิตรงดงาม มีลวดลายไทยที่บรรจงสลักลงไปตามผนังรวมถึงการแกะสลักลวดลายตามบันไดนาค รูปปั้นต่างๆแล้ว

ภายในวิหารยังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรัชมงคลบดีตรีโลกนาถ สีขาวมุกขนาดหน้าตักกว้าง 5 เมตร สูง 6.5 เมตร โดยมีพระรอดลำพูน จำนวน 88,000 องค์ และแก้วแหวนเงินทองหลายสิ่งถูกฝังอยู่ใต้พระพุทธรูปองค์นี้ รวมทั้งบริเวณพระเศียรก็ได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณา ค่ะ

ถัดออกมาด้านหน้าของวิหารก็จะเป็นที่ประดิษฐาน “พระธาตุเกศแก้วจุฬามณีห้าพระองค์” ซึ่งมีความสูง 20 เมตร โดยยอดขององค์พระธาตุได้บรรจุพระบรมสาริกธาตุ จากสมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสงฆปรินายก โดยสร้างจากแรงศรัทธาบวกกับการสืบสานศิลปะในเชิงพุทธศิลป์ของ สล่านก ผู้ที่ได้รับแรงบันดาลใจทางศิลปะจากอาจารย์ถวัลย์และอาจารย์เฉลิมชัย จนเกิดมาเป็นวัดที่สวยงามในปัจจุบันนี้ค่ะ

📍 ที่ตั้ง : ชุมชนร่องเสือเต้น หมู่ 2 ต.ริมกก อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย
🕐 เวลาเปิดทำการ : 07:00 – 20:00 (ทุกวัน)
💟 ราคาค่าเข้าชม: ไม่มีค่าใช้จ่าย
☎ ติดต่อ : 0820269038

🙏 ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก –  thailandtourismdirectory, museumthailand

» เรียบเรียงโดย www.hotelandresortthailand.com

ปักหมุดเช็คอินไปกรีนแลนด์เมืองไทย ‘น้ำตกเขาช่องลม’ จ.นครนายก

จังหวัดยอดฮิตใกล้กรุงเทพที่หลายๆคนมักจะนึกถึงกันเลยก็คือ จังหวัดนครนายกใช่ไหมล่ะคะ นอกจากจะใกล้กรุงเทพแล้วที่แห่งนี้ก็ยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติสวยๆให้ได้ไปชมกันอีกมากมายเลย ซึ่งก็มีสถานที่ดังๆ หลายแห่งที่นักท่องมักนิยมไปกันเลยก็คือ น้ำตกสาลิกา จุดชมวิวผาเดียวดาย หรือที่หลายคนคุ้นเคยกันดีเลยก็ที่ เขื่อนขุนด่านปราการชล แต่มีใครรู้ไหมคะว่ามีดินแดนแห่งกรีนแลนด์นั้นซ่อนอยู่ใกล้ๆกับเขื่อนขุนด่านปราการชลอีกด้วยนะคะ ที่แห่งนี้ก็คือ ‘น้ำตกเขาช่องลม’ นั่นเองค่ะ

แม้ว่าจะเคยเป็นดินแดนกรีนโซนลึกลับ แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดนครนายกไปแล้วค่ะ ในการเดินทางเข้าไปยังน้ำตกเขาช่องลมก็ไม่ได้ยากเลย สามารถนั่งเรือเข้าไปได้โดยจะต้องติดต่อได้ที่ศูนย์ให้บริการล่องเรือ ซึ่งจะเปิดให้บริการตั้งแต่ 8 โมงเช้า – 5 โมงเย็นค่ะ สำหรับค่าบริการ ราคาเหมา 1-7 คน รวมทั้งหมด 1,500 บาท แต่ถ้า 8 คนขึ้นไปตกคนละ 200 บาท  จากนั้นก็ล่องเรือไปสัมผัสอากาศและธรรมชาติอันบริสุทธิ์กันเลย

ถึงแล้วกรีนแลนด์แห่งเมืองไทย น้ำตกเขาช่องลม เมื่อได้ลงมาเดินทำให้สัมผัสได้ถึงพลังของธรรมชาติอย่างเต็มปอดเลยล่ะค่ะ หายใจเข้าก็สดชื่น หายใจออกก็สบาย มองไปรอบข้างก็จะเห็นความเขียวขจีของธรรมชาติ ป่าเขาเต็มไปหมด

ถ้าใครคิดที่จะมาในช่วงหน้าฝน ขอแนะนำเลยว่าควรพกเสื้อกันฝนมาด้วยนะคะ และก็ไม่ใส่รองเท้าแตะให้ใส่ผ้าใบจะสะดวกกว่า และหากพร้อมแล้วก็มาสัมผัสธรรมชาติอากาศบริสุทธิ์กันได้เลยที่ “น้ำตกเขาช่องลม นครนายก” ค่ะ รับรองเลยว่าหากใครได้ลองมาสัมผัสสักหนึ่งครั้งจะต้องประทับใจไม่รู้ลืมแน่นอน

📍 ที่ตั้ง : ตำบล นาหินลาด อำเภอปากพลี จังหวัด นครนายก
🕐 เปิดให้เข้าชม : 08.00-17.00 น.  (เรือออกทั้งวันไม่มีรอบ)
☎ โทร : 0-89493-1200

ขอขอบคุณรูปภาพสวยๆจาก Facebook คุณ Poramate B. Fluke https://www.facebook.com/fluke.poramate

» เรียบเรียงโดย www.hotelandresortthailand.com

“สุภัทรา หัวหิน รีสอร์ท” จ.ประจวบคีรีขันธ์

หนีร้อน หนีความวุ่นวาย และหนีโควิท ไปหัวหิน บูติกรีสอร์ทเงียบสงบ มีความเป็นส่วนตัว ที่ “สุภัทรา หัวหิน รีสอร์ท” ที่พักริมทะเลหัวหิน พร้อมสระว่ายน้ำ เลียบชายหาดเขาตะเกียบ เป็นรีสอร์ทเล็กๆ มีลักษณะเป็นวิลล่าที่โด่ดเด่น ด้วยการทาสีเหลืองแบบทรอปิคคอล มีกลิ่นไอของความเป็นล้านนาท่ามกลางธรรมชาติ

English version >> http://hotelandresortthailand.com/read/?p=48318

บรรยากาศภายในรีสอร์ท สัมผัสได้ถึงธรรมชาติและออกซิเจนของต้นไม้ ดอกไม้ ล้อมรอบห้องพักให้บรรยากาศสดชื่นมาก ไม่คิดเลยว่ากำลังอยู่ในหัวหิน ด้านในสุดจะเป็นร้านอาหารริมทะเลและสระว่ายน้ำของโรงแรม เล่นน้ำที่นี่ไม่ต้องกลัวร้อน เนื่องจากมีต้นลีลาวดีค่อยบังแดดอยู่ร่ำไร

ในส่วนของห้องพักวันนี้เราจะพามาดูกันทั้ง 3 ห้อง มาเริ่มกันเลยที่ห้องแรก Pool Villa เป็นห้องขนาดใหญ่เหมาะสำหรับคู่รักที่มาพักผ่อน ด้านหน้าจะมีสระว่ายน้ำล้อมรอบด้วยสวน

เซอร์ไพรส์มากเลยกับหมอนลายผ้าขาวม้า มีกลิ่นไอของความเป็นไทย ซึ่งตอนนี้หาดูได้ยากแล้วและเตียงสไตล์บาหลี

อ่างอาบน้ำ

ตามมาดูห้องต่อไปกันดีกว่า

มาต่อกันที่ห้อง Superior pool villa เหมาะสำหรับครอบครัว เป็นห้องขนาดใหญ่ มีอ่างอาบน้ำ พร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัวมีสวนล้อมรอบบ้านพักให้บรรยากาศร่มรื่นเย็นสบาย

สำหรับห้องนี้เขามี 2 เตียงเลยนะ

และสุดท้ายห้อง Garden view เป็นอีกห้องที่เหมาะสำหรับสำหรับคู่รักภายในห้องสามารถเปิดประตูมารับออกซิเจน หรือนั่งชิวที่สวนข้างนอกได้

ทางโรงแรมมีบริการนวดสามารถแจ้งทางโรงแรมได้ตลอดเวลา ซึ่งจะเป็นการนวดภายในห้องพักของเพื่อนๆเลย

ไปสำรวจบริเวณหน้าหาดกันบ้างดีกว่า สำหรับที่นี่ถือว่าดีเลย เพื่อนๆสามารถเดินไปวัดเขาตะเกียบได้ และหน้าหาดค่อนข้างกว้างใช้ได้เลย มองเห็นวิวทะเลได้อย่างชัดเจน

อาหารมื้อค่ำ ทางรีสอร์ทมีร้านอาหารเย็นริมทะเล ทุกท่านสามารถสั่งอาหารมาทาน รับลมทะเลเย็นๆได้ วันนี้เราทานเป็น ข้าวห่อหมกทะเลทอด สุภัทราเชฟสลัด สปาเก็ตตี้ผัดฉ่าทะเล และน้ำซีทรูพันซ์

แสงตอนเย็นของที่นี่สวยมาก สามารถมองเห็นแนวโค้งของชายหาดหัวหินได้เป็นอย่างดี

ในตอนเช้าซิกเนเจอร์ของโรงแรมคือ การตักบาตรหน้าหาด ในตอนเช้ามีประมาณ 2 รอบต่อวัน ในวันที่น้ำทะเลลง เวลา 7.00 น. และ 7.30 น.

มาดูในส่วนของอาหารเช้ากันบ้าง ช่วงนี้ถ้าวันไหนมีผู้เข้าพักจำนวนมากก็จะเป็นบุฟเฟ่ต์ตามปกติเลย แต่ถ้าวันไหนไม่มากทางโรงแรมขออนุญาตเสิร์ฟเป็นเซ็ต ซึ่งมีให้เลือกทั้งไทยและอเมริกัน และสั่งได้ไม่อั้นเลยอิ่มกันไปจนถึงเที่ยงได้เลย

วิธีการมาโรงแรมก็ง่ายมากกก สามารถมาได้ทั้งรถส่วนตัว หรือไปเป็นแก็งเพื่อนสามารถนั่งรถตู้จากกรุงเทพฯ มาลงที่ มาร์เก็ตวิจเลจ หัวหิน แล้วเรียก Grap ได้เลย อยากจะแวะชมบรรยากาศตัวเมืองหัวหินก่อนก็ได้ สามารถข้ามไปฝั่งตรงข้ามรอรถประจำทางสีเขียวของหัวหิน แล้วลงตรงหน้ารีสอร์ทได้เลย ขากลับจุดพักรถเขียวก็อยู่หน้ารีสอร์ทพอดีเลย

♥ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ♥
❀ ที่ตั้ง : 143/18 ถ.ตะเกียบ ต.หนองแก อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ 77110
❀ หมายเลขโทรศัพท์:  086-3316651
❀ อีเมลล์: supatra@supatraresort.com
❀ เว็บไซต์:  www.supatraresort.com
❀ เฟซบุ๊ค: Supatra Hua Hin Resort

» รีวิวโดย www.hotelandresortthailand.com

“La Isla Pranburi Beach Resort” จ.ประจวบคิรีขันธ์

La Isla Pranburi Beach Resort รีสอร์ทปราณบุรี ประจวบคิรีขันธ์ ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติสามร้อยยอด ใกล้ถ้ำพระยานคร ใจกลางหมู่บ้านชาวประมง เนื่องจากทางเข้าจะต้องพบกับหมู่บ้านชาวประมง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของการมาที่นี้ แต่เมื่อมาถึงก็ทำให้หายเหนื่อยเลยหมดเลย

English version >> http://hotelandresortthailand.com/read/?p=48314

La Isla Pranburi Beach Resort บรรยากาศดีต้นไม้ร่มรื่น ข้างข้างขนาบด้วยภูเขา ใครมาที่นี่แล้วกลัวฝนตกไม่ต้องกลัวเลย เพราะว่าที่นี่ตกมากสุดไม่เกิน 20 นาที และเป็นทะเลที่ไม่เหนียวตัวเนื่องจากต้นไม้ที่อยู่บนภูเขาคอยดูซับเอาไว้ รวมถึงหน้าชายหาดที่ยาวและสระว่ายน้ำขนาดยักษ์ใหญ่ บรรยากาศแสนโรแมนติก ชวนให้ทุกคนมาสัมผัส ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนหรือครอบครัว

บรรยากาศด้านหน้ารีสอร์ทร่มรื่น เย็นสบาย เหมือนเป็นโอเอซิสของปราณบุรี มาถึงแล้วก็เช็คอินกันก่อนเลย ซึ่งภายในตกแต่งด้วยไม้ สถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ ต้อนรับด้วย Welcome drinks เดินทางมาเหนื่อยๆ ก็ชื่นใจ

บรรยากาศด้านหน้าหาดของรีสอร์ท บรรยากาศเงียบสงบ เสมือนเป็นหาดส่วนตัว

ต่อไปมาชมบรรยากาศภายในห้องพักของรีสอร์ทกัน

เริ่มต้นที่ห้องแรกสำหรับครอบครัวขนาด 6 ท่าน คือห้อง Pool villa ซึ่งตั้งอยู่ด้านข้างของสระว่ายน้ำ เรียกว่า ขนาดยักษ์เลยจะดีกว่า

บรรยากาศภายในอบอุ่นมาก สามารถกระโดดลงไปเล่นน้ำได้เลย

ตามมาด้วยห้อง Deluxe Pool Access เป็นอีกหนึ่งห้องยอดฮิตของที่นี่เพราะได้รับการจองเข้ามามากที่สุด ภายในเป็นเตียงขนาดใหญ่ โซฟานั่งเล่น สามารถกระโดดเล่นน้ำจากตัวของห้องพักได้เลย และมองเห็นหาดทรายสีขาว ทะเลสวยๆ

ต่อไปจะพามาดูห้อง Suite ซึ่งตั้งอยู่ชั้นสองของคิดคลับและสปา เป็นห้องที่มีอ่างอาบน้ำ สามารถมองเห็นวิวภูเขาและเรือของชาวประมงที่ออกหาปลา ห้องนี้วิวสวยมากคอนเฟิร์มได้เลย

และห้องสุดท้ายจะเป็นห้อง Deluxe Sea view เป็นห้องที่อยู่ชั้นด้านบน

กิจกรรมภายในรีสอร์ทที่พิเศษที่สุดเลยก็คือ จิบน้ำชาล่องเรือ Afternoon tea เป็นการล่องเรือในทะเล เยี่ยมชมหมู่บ้านชาวประมงชมวิถีชีวิตของคนที่นี่ ซึ่งราคาก็ไม่แรงเลย ถ้าไม่รับน้ำชาและของว่าง ประมาณ 1,4XX บาท หรือหากรับของว่างจะประมาณ 1,7XX บาท ราคานี้สำหรับ 6 ท่าน หารแล้วเหลือคนละ 200 กว่าบาทเท่านั้น ใช้เวลาประมาณ 45 นาทีในการล่องแต่ละรอบ สามารถจองกับทางโรงแรมได้เลยเวลาล่องขึ้นอยู่กับน้ำขึ้นหรือลงในแต่ละเดือน

ใครจะไม่ล่องเรือก็สามารถมาเช่าพายเรือคายัค น้ำที่นี่สงบ คลื่นไม่แรงเกินไปสามารถพายได้อย่างสบายๆ จะพายในทะเล รอบภูเขา หรือในหมู่บ้านก็สามารถทำได้

สำหรับหนูเล็กเด็กน้อยทั้งหลายต้องเชิญทางนี้ปั่นจักรยานรอบสวน ทางรีสอร์ทมีบริการให้ยืมฟรี โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม โซน Kid Club กับของเล่นสนุกๆ

ปั่นจักรยานชมบรรยากาศ

ถัดจากห้อง Kid Club จะเป็นห้องสปา ทางรีสอร์ทก็มีบริการเหมือนกัน

ห้องสมุดและคาเฟ่

มุมอ่านหนังสือ

มาเที่ยวชมบรรยากาศรอบรีสอร์ทกันบ้าง บอกแล้วว่าที่นี่เขาดีจริง ของจริง

บรรยากาศตอนกลางคืน

พอตกเย็นมาทางรีสอร์ทก็มีบริการอาหารเย็น ซึ่งราคาไม่แพงและปริมาณคุ้มค่ากับราคา หากเพื่อนๆ ต้องการทานอาหารทะเลก็สามารถสั่งกับทางรีสอร์ทได้ตั้งแต่ตอนเช็คอินเลย รีสอร์ทจะไปติดต่อกับชาวประมงพื้นบ้าน เพื่อที่จะได้ทานกันแบบสดใหม่ เพราะที่นี่จะไม่สต็อคของทะเลไว้ แถมยังเป็นการสนับสนุนชาวบ้านไปในตัวด้วย

ห้องอาหาร ปูละคอน ชื่อห้องอาหารตั้งมาจากปูละคอน สามารถพบได้ในบริเวณแถวรีสอร์ทเท่านั้น อาหารรสชาติอร่อย ถูกปากทุกอย่างเลย ซิกเนเจอร์ของที่นี่จะเป็นแกงคั่วปูใบชะคราม ซึ่งใบชะครามเป็นพืชที่พบได้เฉพาะพื้นที่ดินเค็มตามชายทะเลเท่านั้น แต่อย่าทานเยอะ เพราะมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ ต่อด้วยปูนิ่มนึ่ง และปลาหมึกผัดไข่เค็ม

บรรยากาศยามเช้า

ตอนเช้าจะเป็นอาหารเป็นเซ็ต สามารถทานได้ที่ห้องอาหาร จะมีมุมกาแฟและ เซ็ตอาหารเช้าให้เลือกทั้งอาหารไทยและอเมริกัน

ในอนาคตทางรีสอร์ทมีแผนจะเปิดกิจกรรมตอนกลางคืนด้วยจะเป็นอะไรก็คอยติดตามกันต่อไป ตอนนี้ก็ยังยืนยันว่า La Isla Pranburi Beach Resort ยังคงเป็นอีกรีสอร์ทหนึ่งที่เพื่อนๆ ทุกคนต้องมาให้ได้ในปราณบุรี เพราะไม่ว่าใครจะมาก็ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอยากกลับมาที่นี่อีกครั้ง

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
ที่ตั้ง : 99/9 หมู่ 8 ต.สามร้อยยอด อ.สามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ 77120
หมายเลขโทรศัพท์: 032-900353, 094-8289938
อีเมลล์: reservations@laislapranburibeach.com
เว็บไซต์: www.laislapranburibeachresort.com
เฟซบุ๊ค: La Isla Pranburi Beach Resort

» รีวิวโดย www.hotelandresortthailand.com

เขาล้อมหมวก จุดชมวิวสุดเสียว ที่ใครชอบผจญต้องมาโดน!!

อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่คนรักการผจญภัยนั้นห้ามพลาดเลยนะคะกับที่ “เขาล้อมหมวก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์” ตั้งอยู่ภายในเขตกองบิน 5 หรือกองบิน 53 ติดกับอ่าวมะนาว มีลักษณะเป็นภูเขาหินปูนติดทะเล มีความสูงประมาณ 300 เมตร และบนยอดเขาสามารถมองเห็นความงดงามได้ทั้ง 3 อ่าวเลยนะคะ ทั้ง อ่าวน้อย อ่าวประจวบและอ่าวมะนาว และสามารถชมวิววิวทิวทัศน์แบบ 360 องศาของอ่าวไทย รวมถึงตัวเมืองประจวบและวนอุทยานเขาตาม่องล่าย ซึ่งหากเดินทางมาในช่วงฤดูร้อนอาจจะสามารถมองเห็นทะเลเเหวกได้อีกด้วยนะคะ

ยอดเขาล้อมหมวกยังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธบาทจำลองและพระบรมสารีริกธาตุ ส่วนบริเวณเชิงเขาล้อมหมวกเป็นแหล่งอาศัยของครอบครัวค่างแว่นถิ่นใต้ฝูงใหญ่ ที่จะออกมาปรากฏตัวให้นักท่องเที่ยวได้เห็นอยู่เสมอค่ะ แต่สิ่งที่สำคัญเลยนะคะ ไม่ควรให้อาหารน้องค่างแว่น เพราะว่าอาจเกิดอันตรายและทำให้เกิดผลกระทบต่อนิเวศวิทยาของสัตว์ป่าได้ค่ะ สำหรับใครที่ต้องการจะมาพิชิตเขาล้อมหมวก จะต้องลงทะเบียนพร้อมทั้งวัดความดันกับทางเจ้าหน้าที่กองบิน 5 ซึ่งจะเปิดตั้งแต่เวลา 06.00 น. – 10.30 น. และไม่เปิดรับจองล่วงหน้า

เมื่อเตรียมตัวและลงทะเบียนเรียบร้อยแล้วก็ไปพิชิตเขาล้อมหมวกกันได้เลยค่ะ ซึ่งระยะเวลาในการเดินขึ้นเขาในครึ่งแรกจะอยู่ที่ประมาน 1.30 ชั่วโมง จะเป็นการเดินขึ้นบันได 496 ขั้น และในครึ่งหลังจะเป็นการไต่เชือกขึ้นทางชัน ซึ่งบางจุดจะมีความชันค่อนข้างมากค่ะ เนื่องจากเป็นภูเขาหินปูน ที่มีความคมพอสมควรเลย ดังนั้นจะต้องระวังเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่ต้องเป็นกังวลไปค่ะ เพราะในแต่ละจุดนั้นจะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลให้การช่วยเหลือตลอดเส้นทางเลยปลอดภัยหายห่วง

✨ สิ่งที่ควรเตรียมก่อนไปพิชิตเขาล้อมหมวก ✨
1.ควรใส่เสื้อผ้าที่สบาย
2.ใส่รองเท้าผ้าใบ
3.ถุงมือเพื่อเอาไว้ในการจับเชือก
4.น้ำดื่ม
5.อุปกรณ์กันแดด

❌ ข้อห้าม ❌
1.ห้ามถ่ายรูปสนามบิน
2.ห้ามทิ้งขยะ
3.ห้ามให้อาหารสัตว์ป่า
4.ห้ามใส่รองเท้าแตะ

🌳 เช็คตารางวันหยุด 🌳
✅ วันที่ 23-25 ตุลาคม 2563
✅ วันที่ 5-7 ธันวาคม 2563
✅ วันที่ 31 ธันวาคม 2563
✅ วันที่1-3 มกราคม 2564

📍 ที่ตั้ง : กองบิน 5 ต.เกาะหลัก อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์
☎ โทร : 032-611017
🌼 เฟซบุ๊ค : กิจกรรมพิชิตยอดเขาล้อมหมวก 902 ฟุต

ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก – เฟซบุ๊ค กิจกรรมพิชิตยอดเขาล้อมหมวก , newtv , travelmthai , thaiticketmajor

» เรียบเรียงโดย www.hotelandresortthailand.com

สัมผัสธรรมชาติบนยอดเขาสูง อุทยานแห่งประวัติศาสตร์ ‘เขาหลวง จังหวัดสุโขทัย’

จังหวัดสุโขทัย นอกจากจะขึ้นชื่อในเรื่องของเมืองแห่งประวัติศาสตร์แล้วที่ แห่งนี้ก็ยังมีแหล่งชมวิว ชมธรรมชาติที่สวยงามและน่าสนใจไม่แพ้กันนะคะ แหล่งท่องเที่ยวที่เราจะแนะนำในวันนี้ก็คือ ‘เขาหลวง’ หรืออีกชื่อก็คือ ‘ป่าเขาหลวง’ นั่นเองค่ะ มีที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติรามคำแหง มีพื้นที่ประมาณ 213,215 ไร่  และได้รับการประกาศแต่งตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2523 ทั้งนี้ เพื่อเป็นการรำลึกถึงพ่อขุนรามคำแหงมหาราช กษัตริย์ผู้สร้างอดีตราชธานีไทยแห่งนี้ ทางอุทยานจึงมีชื่อว่า ‘อุทยานแห่งชาติรามคำแหง’ ค่ะ

 ลักษณะจะเป็นยอดเขาสูงชันสลับซับซ้อนกัน มีความสูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 1,200 เมตร ซึ่งในการเข้าไปเยี่ยมชมนั้น จะต้องเดินเท้ากว่า 3.7 กิโลเมตรเพื่อขึ้นไปด้านบนยอดเขาค่ะ  แต่เมื่อขึ้นไปถึงแล้วรับรองว่าจะต้องประทับใจแน่นอน เพราะที่นี่จะมีทิวทัศน์ที่มองออกไปได้กว้างขวางและเราจะได้เห็นความสวยงามของป่าเขารวมถึงได้สัมผัสกับความร่มรื่นของธรรมชาติได้อย่างใกล้ชิดเลย

 นอกจากจะมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามแล้วภายในอุทยานก็ยังมีสัตว์ป่านานาชนิด เช่น วัวแดง เก้ง หมี หมูป่า นกกระเต็น นกนางแอ่น และพรรณไม้ต่างๆ เช่น สัก ตะเคียน เต็ง รัง พืชสมุนไพร และว่าน รวมถึงยังมีน้ำตกและถ้ำต่างๆให้ได้ชมกันอีกด้วย

ที่สำคัญสภาพอากาศบนยอดเขาของที่นี่จะหนาวเย็นตลอดทั้งปีเลยค่ะ มีหมอกปกคลุมมากในช่วงฤดูหนาวและฤดูฝนอีกด้วย ซึ่งเหมาะที่จะมาเที่ยวในช่วงเดือน กันยายน-กุมภาพันธ์ รับรองเลยว่าคนที่ชอบท่องเที่ยวแนวธรรมชาติ มาส่องสัตว์ยามค่ำคืน รวมถึงคนที่ชอบอากาศหนาวเย็นจะต้องถูกใจกับที่นี่อย่างแน่นอนเลยค่ะ  ‘เขาหลวง จังหวัดสุโขทัย’

📍ที่ตั้ง : อุทยานแห่งชาติรามคำแหง – ต.ลานหอย อ.บ้านด่านลานหอย จ.สุโขทัย
🕐เปิดให้บริการ : 08.30 – 17.00 น. (ทุกวัน)
💟ค่าเข้าชม : ต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 เด็ก 100 / ไทย ผู้ใหญ่ 20 เด็ก 10
🚘ที่จอดรถ : 40/คัน
☎โทร : 0 2562 0760

**หมายเหตุ** นักท่องเที่ยวสามารถใช้บริการลูกหาบขึ้นยอดเขาหลวง ราคากิโลกรัมละประมาณ 15 บาท โดยสามารถติดต่อได้ที่อุทยานฯ

🌄🌄🌄🌄🌄🌄🌄🌄🌄🌄🌄🌄

🙏 ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ – thailandtourismdirectory, mgronline

» เรียบเรียงโดย www.hotelandresortthailand.com

เที่ยวอย่างไทย ชมเมืองเก่า ศึกษาประวัติศาสตร์ ‘อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย’

สุโขทัยเป็นอีกหนึ่งจังหวัดในภาคกลางที่มีความเก่าแก่และมีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจน่าค้นหา เพราะที่แห่งนี้มีร่องรอยของประวัติศาสตร์มากมายและพร้อมให้เราได้เข้าไปศึกษาเยี่ยมชมเสมอ จังหวัดสุโขทัยเป็นที่ตั้งอาณาจักรแรกของชนชาติไทยเมื่อ 700 กว่าปีที่แล้ว และความหมายของคำว่า “สุโขทัย”  นั้นมาจากสองคำค่ะ คือ “สุข+อุทัย” หมายความว่า “รุ่งอรุณแห่งความสุข”  และร่องรอยอดีตแห่งความรุ่งเรือง เราก็จะเห็นได้จากอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยและศรีสัชนาลัย ซึ่งที่แห่งนี้ ก็ยังเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ที่มีความชื่นชอบในการศึกษาประวัติศาสตร์ค่ะ

ในอดีตแล้วนั้น เมืองสุโขทัยเคยเป็นราชธานีของไทยมีความเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมากค่ะ และยังเป็นศูนย์กลางการปกครอง ศาสนา และเศรษฐกิจอีกด้วย ภายในอุทยานฯมีสถานที่สำคัญที่ทั้งเป็นพระราชวัง ศาสนสถาน โบราณสถาน โดยมีกำแพงเมืองและประตูเมืองโบราณล้อมรอบอยู่ในบริเวณพื้นที่อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยที่มีพื้นที่ครอบคลุมกว่า 70 ตารางกิโลเมตร ซึ่งภายในอุทยานก็ยังมีโบราณสถานสำคัญที่น่าสนใจให้ได้ชมอีกมากมายเลยค่ะ

การมาเที่ยวชมนั้นนักท่องเที่ยวสามารถ เดินเท้า ปั่นจักรยาน หรือการนั่งรถรางไฟฟ้า ซึ่งทางอุทยานฯ ก็มีรถจักรยานให้เช่าด้วยนะคะ นอกจากนี้หน้าโบราณสถานที่ขึ้นทะเบียนแต่ละจุดก็ยังมีป้าย QR Code ที่สามารถสแกนเข้าไปอ่านเรื่องราวเพิ่มเติมได้ ซึ่งจะมีให้เลือกได้ถึง 4 ภาษาเลยนะคะ โดยมีทั้ง ภาษาไทย จีน ญี่ปุ่น และฝรั่งเศส เมื่อมาที่นี่แล้วไม่ต้องกลัวเลยค่ะ ว่าจะไม่เข้าใจเรื่องราวในประวัติศาสตร์

📍ที่ตั้ง : ต.เมืองเก่า อ.เมืองสุโขทัย จ.สุโขทัย
🕐เปิดให้บริการ : 08.30-16.30 น. (ทุกวัน)
💟ค่าเข้าชม : ต่างชาติ/ไทย ผู้ใหญ่ 40 เด็ก 20
🌈เฟซบุ๊ค : อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย

**หมายเหตุ** จอดรอบบริเวณที่ท่ารถใกล้ป้อมยามตำรวจ ห่างจากสะพานข้ามแม่น้ำยมไปทางฝั่งตะวันตกราว 200 เมตร มีรถออกทุก 20 นาที ค่าโดยสารคนละ 5 บาท ตั้งแต่ 06.00-18.00 น. ทุกวัน และจากอุทยานฯ มีรถจอดที่บริเวณลานจอดรถ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว

» เรียบเรียงโดย www.hotelandresortthailand.com

ไหว้พระเจดีย์ลอยฟ้า ‘อุทยานธรรมเขานาในหลวง’ ดินแดนอันสงบสุข จ.สุราษฏ์ธานี

จังหวัดสุราษฏ์ธานี เป็นจังหวัดในภาคใต้ตอนบน มีพื้นที่ขนาดใหญ่ที่สุดในภาคใต้และยังเป็นอันดับ 6 ของประเทศไทย ด้วยความที่เป็นจังหวัดใหญ่จึงมีแหล่งท่องเที่ยวสวยๆบรรยากาศดีๆ ให้นักท่องเที่ยวหลายคนได้ไปเยี่ยมชมกันเป็นประจำ และนอกจากจะมีทะเลที่สวยงามแล้ว ทางด้านภูเขาก็ยังสวยงามไม่แพ้กันค่ะ วันนี้ HotelAndResortThailand มีแหล่งท่องเที่ยวที่อยู่บนยอดเขาสูง บรรยากาศสงบ ร่มรื่น มาแนะนำกันค่ะ ซึ่งที่นั่นก็คือ ‘อุทยานธรรมเขานาในหลวง’

‘อุทยานธรรมเขานาในหลวง’ ตั้งอยู่ที่ตำบลต้นยวน อำเภอพนม เป็นสถานที่ตั้งของเจดีย์ลอยฟ้า พระพุทธศิลาวดี และบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ก่อสร้างด้วยศิลาแลงจากเมืองกำแพงเพชร บนยอดเขาหินปูนสูงจากพื้นดินเกือบ 300 เมตร อีกทั้งยังเป็นสำนักสงฆ์ของจังหวัดสุราษฎร์ธานีอีกด้วยค่ะ และยังเป็นสถานที่ที่มีความสงบร่มรื่น เหมาะแก่การมา ไหว้พระ ขอพร และปฏิบัติธรรมค่ะ

นอกจากที่แห่งนี้จะเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แล้วนะคะ ในด้านของสถาปัตยกรรมก็มีความงดงามและน่าสนใจมากๆเลยค่ะ เริ่มตั้งแต่ทางเข้าซุ้มประตูพุทธวดี 9 ยอด ที่ใครมาแล้วเป็นอันต้องมาถ่ายรูปตรงนี้กันตลอด พอเข้ามาด้านในวัดก็จะเห็นศาสนสถานต่างๆ ที่สวยงามไม่แพ้กันเลยนะคะ ทั้ง เจดีย์ร้อยยอด พระธาตุพันองค์ และรอยพระพุทธบาทที่ปรากฏอยู่บนยอดเขาของอุทยานธรรม เปรียบเหมือนเป็นอีกหนึ่งศูนย์รวมจิตใจแห่งความเชื่อ ความศรัทธาของเหล่าบรรดาพุทธศาสนิกชนชาวสุราษฏ์ธานีได้เลยค่ะ

และเมื่อขึ้นมาถึงจุดสูงสุดแล้วก็ยังสามารถชมวิวรอบๆได้อย่างกว้างขวาง แบบพาโนราม่าเลยนะคะ จะเห็นได้ว่ามีทะเลหมอกปกคลุมไปทั่วทั้งภูเขาเลย ไม่ต้องขึ้นไปถึงภาคเหนือเลยเราก็สามารถชมทะเลหมอกได้จากภาคใต้ที่สวยงามไม่แพ้กันเลยค่ะ

วิธีการเดินทาง
เดินทางจากทางเข้าเขื่อนรัชชประภาเมื่อมาถึงบริเวณไฟแดงที่กิโลเมตรที่ 61 ให้เลี้ยวซ้าย และเดินทางต่อไปอีกประมาณ 20 กิโลเมตร จะเจออุทยานธรรมเขานาในหลวง ซึ่งจะอยู่บริเวณริมถนนด้านขวามือ
📍ที่ตั้ง : หมู่ที่ 8 บ้านเขานาใน ตำบลต้นยวน อำเภอพนม จังหวัดสุราษฏร์ธานี
🚘 พิกัด : https://goo.gl/maps/1jgtwiFs5jH1sDqV9
🌻 เฟซบุ๊ค : https://www.facebook.com/อุทยานธรรมเขานาในหลวง

🙏 ขอขอบคุณรูปภาพจาก – เฟซบุ๊ค Memories Graphic

🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼

» เรียบเรียงโดย www.hotelandresortthailand.com

ศูนย์รวมจิตใจแห่งลุ่มแม่น้ำโขง ‘พญาศรีมุกดาฯ วัดรอยพระพุทธบาทภูมโนรมย์’ จังหวัดมุกดาหาร

หลายครั้งที่มีโอกาสได้ไปเที่ยวต่างจังหวัดในแถบๆภาคอีสาน หรือตะวันออกเฉียงเหนือ เรามักจะเห็นวัดของแต่ละจังหวัด ส่วนใหญ่จะมีพญานาคองค์ใหญ่อยู่ในบริเวณของวัดเสมอ เพราะผู้คนในแถบภาคอีสานนั้นมีความเชื่อและศรัทธาเกี่ยวกับพญานาคกันเป็นอย่างมาก มีความเชื่อว่าพญานาคนั้น อาศัยอยู่ในลำน้ำโขงมีอิทธิฤทธิ์มาก และจะสามารถดูแลคุ้มครองผู้คนให้มีความสุขได้ค่ะ และในวันนี้ HotelAndResortThailand มีอีกหนึ่งแหล่ง Unseen Thailand มาแนะนำกันค่ะ ซึ่งที่นี่ก็คือ ‘วัดรอยพระพุทธบาทภูมโนรมย์’ ที่มีพญาศรีมุกดามหามุนีนีลปาลนาคราช หรือ ปู่ศรีมุกดา  ที่เป็นจุดเด่นของวัด และสร้างขึ้นอย่างใหญ่โต สวยงามมากๆค่ะ

พญาศรีมุกดามหามุนีนีลปาลนาคราช หรือ ปู่ศรีมุกดา  เป็นรูปปั้นพญานาคเศียรเดียวองค์ใหญ่ สร้างอยู่บนเขาภูมโนรมย์ ของวัดรอยพระพุทธบาทภูมโนรมย์ ซึ่งลักษณะของพญานาคนั้นจะนอนขดตัวและชูลำคอสูงสง่าหันไปทางแม่น้ำโขง เบื้องล่าง ลำตัวยาว 122 เมตร สูงประมาณ 20 เมตร มีสีเขียวอมฟ้าเมื่อสะท้อนแสงจะสวยงามมากๆ ทำให้รูปปั้นดูมีมิติและสมจริงราวกับมีชีวิต พร้อมกับมีลวดลายที่ละเอียดอ่อน ว่ากันว่า พญาศรีมุกดาฯ เป็นรูปปั้นพญานาคที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทยอีกด้วยค่ะ

ผู้มาเยือนสามารถเข้ามาสักการะขอพรได้  โดยวิธีการสักการะก็คือ ตั้งจิตอธิษฐานให้มั่น เดินลอดท้องพญานาคทั้ง 7 ช่องที่มีความหมายมงคลต่างๆ จากนั้นนำดอกไม้ธูปเทียนไปบูชา พร้อมทั้งนำผ้าแดงเขียนชื่อตัวเองเอาไปผูกไว้ที่ต้นไม้รอบๆ พญานาค เพื่อความเป็นสิริมงคล และนอกจากจะมีพญาศรีมุกดาฯแล้ว วัดรอยพระพุทธบาทภูมโนรมย์ ก็ยังมีสิ่งอื่นๆที่น่าสนใจอีกนะคะ เช่น รอยพระพุทธบาท อันเป็นที่มาของชื่อวัด พระธาตุภูมโนรมย์ และพระพุทธรูปปางมารวิชัยองค์ใหญ่ ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขาภูมโนรมย์อีกด้วยค่ะ

📍 ที่ตั้ง : วัดรอยพระบาทภูมโนรมย์ หมู่ 5 ต.นาสีนวน อ.เมืองมุกดาหาร จ.มุกดาหาร
🕐 เวลาเปิด-ปิด: 08:30 – 17:00 น. (ทุกวัน)
💟 ราคาค่าเข้าชม : ไม่มีค่าใช้จ่าย

🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿

🙏 ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : thailandtourismdirectory, AmazingThailand, itsbetterinthailand, Mukdahan City Guide , museumthailand

» เรียบเรียงโดย www.hotelandresortthailand.com

เที่ยวนครสวรรค์  ไปชมวิวสวยถ่ายรูปเก๋ๆ แวะช้อปปิ้งที่ “ตลาดเจ้าค่ะ”

นครสวรรค์ เป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ตอนบนของภาคกลางหรือบางหน่วยงานก็จัดให้อยู่ในตอนล่างของภาคเหนือ หลายคนๆจึงเรียกว่า “ประตูสู่ภาคเหนือ” ค่ะ นอกจากที่นี่จะเป็นทางผ่านไปสู่ภาคเหนือแล้วก็ยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกหลายแห่งเลยนะคะ แถมยังมีจุดชมวิวสวยๆอีกมากมาย รวมถึงแหล่งช้อปปิ้งของกิน ของใช้อีกด้วย แต่ถ้าหากใครยังนึกภาพไม่ออกล่ะก็ วันนี้ Hotel And ResortThailand จะมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆรวมถึงแหล่งช้อปปิ้งเด็ดๆให้ชมกันค่ะ จะเป็นที่ไหนบ้างนั้นมาดูกันเลย

“บึงบอระเพ็ด”

เมื่อนึกถึงจังหวัดนครสวรรค์ ก็ต้องพลาดไม่ได้เลยนะคะกับ บึงบอระเพ็ด ที่ใครที่ได้มาเป็นอันต้องเช็คอินค่ะ ที่นี่คือทะเลสาบน้ำจืดทีใหญ่ที่สุดในประเทศไทยพื้นที่ประมาณ 132,373 ไร่ และยังเป็นแหล่งธรรมชาติสมบูรณ์ของนกน้ำ พันธุ์บัว พรรณพืช พันธุ์สัตว์ นานาชนิด อีกด้วยค่ะ

📍ที่ตั้ง : 999 ถ.นครสวรรค์-ชุมแสง ต.แควใหญ่ อ.เมือง จ.นครสวรรค์
🕒เวลาเปิดทำการ : 08:30 – 17:30 น. (ทุกวัน)
ค่าบริการ : มีค่าใช้จ่ายประจำจุดท่องเที่ยวไม่เท่ากัน

🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼

“พาสาน”

อาคารสัญลักษณ์ต้นแม่น้ำเจ้าพระยา แลนด์มาร์คแห่งใหม่ของปากน้ำโพ ที่กำลังเป็นที่โด่งดังในโลกโวเชียลเลยนะคะ ซึ่งมีตัวอาคารสร้างบนเนื้อที่ประมาณ 3 ไร่ ออกแบบให้มีความโค้งแล้วมาบรรจบกันที่ปลาย เหมือนการรวมตัวกันของแม่น้ำหลักจาก 4 สาย มาประสานกันเป็นสองสายและรวมเป็นหนึ่งเดียว แบบนี้ต้องมาแวะถ่ายรูปสักแชะแล้วละค่ะ

📍ที่ตั้ง : ต.ปากน้ำโพ อ.เมืองนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์
🕒เวลาเปิดทำการ : 08:00 – 17:00 น. (ทุกวัน)
ค่าบริการ : ฟรี

🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼

“อุทยานสวรรค์”

เรียกว่าเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่และเป็นลมหายใจของชาวสวรรค์เลยก็ว่าได้ค่ะ  ซึ่งที่นี่มีจุดเด่นคือ มังกรสวรรค์ขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลาง รายล้อมด้วยมังกรขนาดเล็ก สร้างขึ้นเพื่อ เป็นทางเดินเข้าไปยังมังกรสวรรค์เมื่อขึ้นไปยืนบนฐานมังกรเราจะได้เห็นบริเวณโดยรอบของอุทยานสวรรค์เลย

📍ที่ตั้ง : ถนนวงสวรรค์ ต.ปากน้ำโพ อ.เมืองนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์
🕒เวลาเปิดทำการ : 08:00 – 18:00น. (ทุกวัน)
ค่าบริการ : ฟรี

🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼

“ตลาดเจ้าค่ะ”

แหล่งช้อปปิ้ง ของกิน ของใช้สไตล์ไทยๆในบรรยากาศย้อนยุค ‘ตลาดเจ้าค่ะ’ ตลาดริมแม่น้ำปิง หน้าวัดเขาดินใต้ อำเภอเก้าเลี้ยว ความน่ารักของตลาดนี้ก็คือ พ่อค้า แม่ค้าของที่นี่จะพูดแล้วลงท้ายด้วยคำว่า “เจ้าค่ะ” ตลอดเลยแถมยังใส่ชุดไทยโบราณอีกด้วยค่ะ บรรยากาศเหมือนหลุดเข้าไปในหนังย้อนยุคเลย

และคนจะยิ่งเยอะ คึกคักเป็นพิเศษในช่วงเย็นของวันอาทิตย์ค่ะ  ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอาหารท้องถิ่นที่หาทานยาก ผสมผสานกับอาหารร่วมสมัย เช่น ข้าวหลามจิ๋ว ห่อหมกปลากราย แถมราคายังเป็นมิตรภาพอีกด้วยนะคะ

และเมื่อซื้ออาหารเสร็จแล้วก็สามารถมานั่งทานอาหารชมวิวริมแม่น้ำชิลๆได้อีกด้วย พอเริ่มดึกขึ้นมาหน่อยก็มีการแสดงต่างๆของเด็กๆให้ได้ชมอีกด้วยค่ะ รวมถึงมีหนังกางแปลงมาฉายอีกด้วยซึ่งในสมัยนี้ถือว่าหาดูยากแล้วนะคะ ถ้าหากใครมีโอกาสได้มาเที่ยวจังหวัดนครสวรรค์สักครึ่งหนึ่ง ก็อยากให้ลองแวะมาที่นี่กัน “ตลาดเจ้าค่ะ”

📍ที่ตั้ง : ต. เขาดิน อ. เก้าเสี้ยว จ.นครสวรรค์
🕒เวลาเปิดทำการ : ทุกวันอาทิตย์ เวลา 14.00-21.00 น.

🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼

🙏 ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก Facebook : ต้อง ตา, TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง, ตลาด “เจ้าค่ะ” ริมแม่น้ำปิงหน้าวัดเขาดินใต้ , thailandtourismdirectory , motorcycmagazine

 

» เรียบเรียงโดย www.hotelandresortthailand.com