วันหยุดเริ่มต้นด้วยของอร่อย ที่ “Oriental Spoon” โรงแรมทวินปาล์มส์ ภูเก็ต

พักโรงแรม 5 ดาว อย่าง “ทวินปาล์มส์ ภูเก็ต” ไม่มีพลาดแน่เรื่องของอร่อย การันตีได้เลยว่าคุณภาพและรสชาติอาหารเยี่ยมสุดๆ เพราะเราลองมาแล้ว ทานทุกอย่าง อร่อยแทบทุกอย่าง อาหารเช้าที่ “ทวินปาล์มส์ ภูเก็ต” เสิร์ฟที่ห้องอาหาร “Oriental Spoon” ชั่วโมงการให้บริการค่อนข้างยืดหยุด มี early breakfast สำหรับแขกที่มีทริปไปดำน้ำแต่เช้า ก็ยังสามารถมาทานอาหารก่อนห้องอาหารเปิดได้ “Oriental Spoon” ตกแต่งหรูหราโดยโทนสีน้ำตาลทอง ที่นั่งมีโซนด้านนอกรับลมธรรมชาติมองเห็นวิวทะเล และโซนในห้องปรับอากาศ

ไลน์อาหารจัดมาหรูหราน่าทานทุกอย่างเลย

มีสปาร์คกลิ้งไวน์ (Sparkling Wine) ให้ดื่มตอนเช้า

ได้ไส้กรอก และเบคอนคุณภาพเยี่ยม ทานไป จิบไวน์ไป เพลินสุดๆ

อาหารประเภท cold cuts มี Beef Pastrami

แฮมและซาลามี่

เด็ดสุดๆก็ตัวนี้เลย แซลม่อนรมควัน เนื้อปลาแซลม่อนคุณภาพดีมาก

ชีส Emmental Cheeze และCheddar Cheeze

ไลน์เบเกอรี่ทั้งหมดคือโฮมเมด ทวินปาล์มส์มีครัวเบเกอรี่เอง แถมไม่พอยังมีคาเฟ่เก๋ๆ Bake ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ลองทานมาแล้วที่สาขา Central Patong ทานที่นี่จะมีการปรับสูตรลงนิดหน่อย ให้รสชาติกลางๆไว้ก่อน แต่ถ้าชอบหอมนมชุ่มเนยเน้นๆ ก็ไปทานที่ Bake ได้เลย

มีเบเกิ้ล บาแก๊ต ครัวซองต์ เพรทเซล ขนมปังโฮลวีท และขนมปังขาว มากมายเกินจินตนาการ

พิซซ่าแป้งบางกรอบ หน้าซาลามี ทานร้อนๆคือดีมาก เหมือนเค้าอบมาใหม่ๆตลอดเลย

กาแฟคาปูชิโน่ชอบมากๆ มาเป็นโลโก้ทวินส์ปาล์ม เป็นโลโก้ที่น่ารักมากๆ ต้นปาล์ม 2 ต้น

แก้วนี้เป็นลาเต้อาร์ต รสชาติดีหอมมัน

อาหารอิตาเลี่ยนนอกจากพิซซ่าแล้วก็มีสปาเก็ตตี้ครีมซอส ใส่แฮม โรยชีสบางๆ

ชอบทานอาหารเช้าสไตล์อินเตอร์ก็มีมาให้เลือก เฟรนช์โทสต์ แพนเค้ก เบรดพุดดิ้ง และอื่นๆตามมาอีกมากมาย

อาหารไทยมี 4 เมนู อร่อยทุกจาน โดยเฉพาะต้มซี่โครงหมูจานนี้ เด็ดมาก ปกติเมนูอาหารจะเปลี่ยนสลับกันไปทุกวันไม่ซ้ำกันใน 1 สัปดาห์ ใครได้มาเจอวันที่มีซี่โครงหมูจานนี้คือโชคดีมาก

ผัดบะหมี่เหลือง เนื้อน้ำมันหอย และไข่ลูกเขย

ขนมปังหน้าไก่

ดีใจมากเจอกล้วยปิ้ง ปิ้งแบบแห้ง หอมๆ หวานน้อย รสชาติละมุน

Egg Station เคาท์เตอร์รวมไข่ จัดบนจานให้สวยงาม

สลัดผักออร์แกนิค

ซีเรียล มีท้อปปิ้งหลายอย่าง รวมถึงโยเกิร์ต mix & match ท้อปปิ้งได้เลย

ส่วนน้ำผลไม้เป็นแบบคั้นสดมาเลย healthy มากๆ แถมยังดื่มแล้วสดชื่นสุดๆ

ผลไม้

ส่วนผลไม้ทีเด็ดคือมะม่วงสุก ซึ่งจะไม่ได้อยู่ใน station ผลไม้ แต่วางอยู่ใกล้ๆมุมน้ำผลไม้สด หากจะทานสามารถบอกเจ้าหน้าที่ได้เลย

ฟรุตสลัด งานรวมดาวผลไม้ ทั้งบลูเบอรี่ สตรอว์เบอรี่ องุ่น สัปปะรด มะละกอ รสชาติอมเปรี้ยว-หวานเล็กๆ แนะนำราดลงบนโยเกิร์ตรสธรรมชาติ หรือจะตักรังผึ้งใส่ก็ได้นะคะ เอนจอยอาหาร ทานกันสนุกสุดๆเลยสำหรับที่ “Oriental Spoon”

♥ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ♥
❀ หมายเลขโทรศัพท์: 076-316500
❀ อีเมลล์: book@twinpalms-phuket.com
❀ เวปไซต์: www.twinpalmshotelsresorts.com/twinpalms-phuket/
❀ เฟซบุ๊ค: Twinpalms Phuket Resort
❀อินสตาแกรม: twinpalmsphuketresort

» เรียบเรียงโดย www.hotelandresortthailand.com

พาเที่ยว “เกาะเสม็ด” เด็ดแน่นอน

“เกาะเสม็ด” แหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อในจังหวัดระยอง เป็นเกาะขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ ตั้งอยู่ในอ่าวไทยฝั่งตะวันออก ตำบลบ้านเพ อำเภอเมือง จังหวัดระยอง ห่างจากชายฝั่งบ้านเพ ราว ๆ 6.5 กิโลเมตร ลักษณะของเกาะมีรูปร่างคล้ายสามเหลี่ยม ชายหาดมีทรายขาวละเอียดอยู่รอบเกาะ และมีท้องทะเลที่สวยงาม

สถานที่อะไรเด็ดที่ “เกาะเสม็ด” 

หาดทรายแก้ว ┃ หาดสุดฮิตที่สวยที่สุดบนเกาะเสม็ด มีหาดทรายขาวละเอียดความยาวประมาณ 780 เมตร ที่หาดนี้มีบริการทั้งรีสอร์ท ร้านอาหาร กิจกรรมกีฬาทางน้ำ ผับ บาร์อยู่มากมาย

อ่าวไผ่ ┃ เป็นอ่าวขนาดกระทัดรัดมีหาดทรายหยาบเล็กน้อย แต่น้ำใสน่าลงเล่นที่สุด ที่พักที่นี่เรียบง่าย กลางคืนมีบาร์เล็กและร้านอาหาร แต่ไม่คึกคักเท่าหาดทรายแก้ว

อ่าวพุทรา-อ่าวทับทิม┃เป็นหาดเล็กๆ ที่ห่างจากอ่าวไผ่เพียง 200 เมตร บรรยากาศค่อนข้างเงียบสงบ

อ่าวนวล┃อ่าวที่ได้ชื่อว่าเล็กที่สุดบนเกาะ เงียบสงบ น้ำทะเลใสแจ๋ว เหมาะกับคนที่ชอบความเรียบง่าย ไม่วุ่นวาย

อ่าวช่อ (อ่าวลุงหวัง)┃ใครที่เคยได้ยินมาว่า เสม็ดมีสะพานที่ยื่นออกไปในทะเล ก็คือที่อ่าวช่อนี่แหละ มีหาดทรายขาวละเอียด เหมาะกับการเล่นน้ำ

อ่าววงเดือน┃อ่าวโค้งเว้าเป็นรูปพระจันทร์ครึ่งดวง หายทรายขาวสะอาด ไฮไลท์ที่สำคัญของที่นี่ มีจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกดินที่สวยที่สุดบนเกาะเสม็ด

อ่าวแสงเทียน┃เป็นอ่าวที่เงียบสงบ คนไม่พลุกพล่าน บรรยากาศดี ค่อนข้างธรรมชาติ ถ้าใครเน้นความสงบ อ่าวแสงเทียน เป็นอีกอ่าวหนึ่ง ที่คุณไม่ควรพลาด

อ่าวลุงดำ┃ติดกับหาดแสงเทียน เป็นชายหาดสลับกับโขดหิน ทิวทัศน์ดี มีสะพานที่ยื่นออกไปในทะเลให้มาถ่ายรูปสวยๆ กันด้วย

อ่าวหวาย┃มีหาดทรายขาวละเอียดมีต้นเทียนยาวตลอดแนว เหมาะแก่การเล่นน้ำ มีที่พักและร้านอาหารเพียงแห่งเดียว

อ่าวกิ่ว┃หาดทรายสวยไม่แพ้อ่าวหวาย เหมาะแก่การเล่นน้ำ แบ่งเป็นอ่าวกิ่วใน และอ่าวกิ่วนอกเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินอีกแห่งของเกาะเสม็ด

อ่าวกะรัง┃อยู่ปลายสุดของเกาะเสม็ด มีจุดชมวิวให้ชมทั้งพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก

อ่าวปะการัง┃อยู่เกือบปลายสุดของเกาะ มีแนวปะการังมากมาย สามารถดำน้ำตื้นได้

อ่าวพร้าว┃เป็นจุดชมพระอาทิตย์ที่สวยที่สุดบนเกาะเสม็ด

อ่าวน้อยหน่า┃มีหาดทรายที่สะอาดพอที่จะเล่นน้ำได้อย่างสบายใจ เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความเงียบสงบ และเป็นส่วนตัว

△ กิจกรรมอะไรเด็ดที่ “เกาะเสม็ด”

✪ ทัวร์รอบเกาะ
✪ ชมโชว์ควงกระบองไฟ
✪ ตกหมึก หรือ ไดหมึก
✪ พายเรือคายัค
✪ ชมพระอาทิตย์ตกดิน
✪ เล่นน้ำทะเล
✪ กีฬาชายหาด บานาน่าโบ๊ท
✪ ปาร์ตี้ริมหาด

△ เที่ยว “เกาะเสม็ด” ช่วงไหนเด็ด△ 

“เกาะเสม็ด”เปิดให้เข้าเที่ยวชมตลอดทั้งปี ช่วงเวลาที่เหมาะสมแก่การท่องเที่ยวจะอยู่ระหว่างเดือนตุลาคม-เมษายน เพราะเป็นช่วงที่คลื่นลมสงบ อากาศปลอดโปร่ง

การไปเดินทางไป“เกาะเสม็ด”(จากท่าเรือบ้านเพ ถึงเกาะเสม็ด) 

ท่าเรือที่ตำบลเพนั้น มีให้เลือกหลากหลายเจ้า เช่น ท่าเรือศรีบ้านเพ, ท่าเรือโชคกฤษฎา, ท่าเรือนวลทิพย์, ท่าเรือเพ, ท่าเรือเทศบาลบ้านเพ, ท่าเรือลุงหวัง, ท่าเรือโชคมานะ เป็นต้น โดยทั้งหมดจะอยู่ในบริเวณริมทะเลบ้านเพ

» เรียบเรียงโดย www.hotelandresortthailand.com

“เกาะล้าน” กันมั้ย ? ใกล้แค่นี้เอง..

อยากเที่ยวทะเลใจจะขาด แต่วันหยุดมีแค่น้อยนิด ไม่ต้องกังวลไป เรายังมีอีก 1 สถานที่ที่น่าสนใจ ใช้เวลาเที่ยวแค่ 2 วัน 1 คืนก็ได้ นั่นคือ “เกาะล้าน” นี่เอง ! ถือเป็นเกาะสุดฮิตใกล้กรุงเทพฯ ที่ใช้เวลาเดินทางน้อย เพียงแค่ 1 ชั่วโมงครึ่ง แถมยังมีน้ำทะเลใสแจ๋ว หาดทรายสวยหลายแห่ง และก็ยังมีวิวที่สวยงาม วันนี้ทางเรามาแนะนำข้อมูลเกาะล้าน วิธีเดินทาง ที่เที่ยวบนเกาะล้าน แบบฉบับเข้าใจง่ายๆ เลื่อนอ่านกันเลย…

“เกาะล้าน” ตั้งอยู่เขตเมืองพัทยา จ.ชลบุรี แนบขนานกับหาดพัทยา มีพื้นที่ประมาณ 3,500 ไร่ จุดเด่นคือทะเล ประการังและชายหาดที่สมบูรณ์สวยงาม “เกาะล้าน” ห่างจากชายฝั่งเมืองพัทยาเพียง 7 กิโลเมตร จากท่าเรือแหลมบาลีฮายใช้เวลาเดินทางโดยเรือโดยสารประมาณ 45 นาที และสปีดโบ๊ท 15 นาที นับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ

♥ ♥ ช่วงเวลาที่ “เกาะล้าน” สวยที่สุด ได้เห็นฟ้าสวย น้ำใส จะเป็นช่วงตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายน ไปจนถึงปลายเดือนเมษายน

สถานที่ท่องเที่ยวห้ามพลาด เมื่อไปเยือน “เกาะล้าน” 

หาดตาแหวน ┃ ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเกาะล้าน เป็นหาดทรายยาวประมาณ 750 เมตร มีหาดทรายที่ขาวสะอาด และน้ำทะเลใสสีฟ้าคราม ปลายหาดทั้งสองด้านมีแนวปะการังน้ำตื้นที่สมบูรณ์ อีกทั้งยังมีมีร้านจำหน่ายสินค้าที่ระลึกตั้งเรียงรายตลอดแนวชายหาด

หาดสังวาลย์ ┃ตั้งอยู่ติดกับหาดตาแหวน มีหาดทรายยาวเพียง 150 เมตรเท่านั้น จุดเด่นคือเงียบสงบ จึงเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวชาวยุโรปที่ชอบนอนอาบแดด หาดสังวาลย์จะสวยงามมากที่สุดในช่วงเดือนธันวาคม – เดือนเมษายน

หาดทองหลาง ┃เป็นชายหาดขนาดเล็กที่เงียบสงบ หาดนี้จึงเหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการพักผ่อนแบบส่วนตัว กิจกรรมหลักของหาดทองหลางคือการดำน้ำดูปะการัง บริเวณปลายหาดที่เชื่อมต่อกับหาดตาแหวน ทั้ง 2 ด้านนี้ยังมีแนวปะการังน้ำตื้นที่สวยงาม และมีบริการเดินชมปะการังใต้น้ำแบบ Sea Walker ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาใช้บริการ ส่วนนักท่องเที่ยวที่ไม่ชอบการดำน้ำแต่อยากชมปะการัง ก็จะมีเรือท้องกระจกไว้คอยบริการ

หาดแสม ┃ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะล้าน เป็นหาดทรายยาวประมาณ 700 เมตร มีน้ำทะเลสีครามและหาดทรายขาวสะอาด มีโขดหินและผืนป่าที่ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ มีความสวยงามเงียบสงบ ปัจจุบันมีการปรับปรุงภูมิทัศน์โดยรวม ทั้งการปลูกต้นไม้เพิ่ม สร้างลานอเนกประสงค์ อาคารร้านค้าร้านขายอาหารที่ได้มาตรฐาน รวมถึงเส้นทางสัญจรที่สามารถเดินเท้าผ่านไปมาอย่างสะดวก

หาดเทียน ┃ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก ถือเป็นหาดที่สวยงามแห่งที่ 2 ของเกาะล้าน มีความยาวของหาดประมาณ 500 เมตร มีขนาดเล็กและเงียบสงบ แต่ความสวยงามไม่แพ้หาดตาแหวน จึงเหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการความเป็นส่วนตัว

หาดนวล ┃ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเกาะล้าน เป็นหาดขนาดเล็กที่มีความยาวแค่ 250 เมตร สภาพแวดล้อมชายหาดเป็นปะการังที่สมบูรณ์ เป็นพื้นที่ที่มีกรรมสิทธิ์เป็นของเอกชนไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวมากนัก
หาดตายาย ┃มีชายหาดยาวประมาน 100 เมตร เป็นชายหาดส่วนตัวที่สงบและร่มรื่น มีน้ำทะเลที่ใส หาดทรายขาวสะอาด สองฝั่งของชายหาดประกอบไปด้วยหินก้อนใหญ่ เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวชาวยุโรปที่ชอบนอนอาบแดด

จุดชมวิวเขานม ┃เป็นจุดชมวิวที่สวยงามที่สุดของเกาะล้านตั้งอยู่บริเวณเขานมใกล้ ๆ กับหาดแสม นักท่องเที่ยวสามารถเดิน หรือใช้บริการรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างขึ้นไปชมความสวยงามของท้องทะเลสีครามกับตัวเมืองพัทยา รับรองว่าถ้าได้ขึ้นไปจุดชมวิวเขานมแล้ว ประทับใจแน่นอน

กิจกรรมบนเกาะที่อยากแนะนำ

◉ ขี่รถมอเตอร์ไซด์เที่ยวชมทั่วเกาะ บนเกาะล้านมีรถมอเตอร์ไซค์ให้เช่า คันละ 200 – 350 บาท/วัน
◉ นั่งเรือออกไปดำน้ำตามจุดต่างๆ เรือบางลำมีบริการ สไลเดอร์จากชั้น 2 ของเรือให้ลื่นไหลลงทะเล
◉ แวะชิมอาหารทะเล ของสด จากร้านอาหารบนเกาะ หรือจะปิ้งย่างเองก็ได้
◉ แวะชมเกาะเล็กๆ ที่น่าเที่ยวไม่แพ้กัน นั่นก็คือ เกาะครก และ เกาะสาก ซึ่งเป็นแหล่งตกปลา ดำน้ำดูปะการัง (มีทั้งแบบน้ำลึกและน้ำตื้น)

การเดินทาง (จากท่าเรือแหลมบาลีฮาย – เกาะล้าน) 

✻ ✻ สามารถขึ้นเรือโดยสารบริเวณปลายสะพานจอดเรือได้เลย มีค่าเรือเพียงท่านละ 30 บาทเท่านั้น จะมีเรือจอดท่าหน้าบ้านกับจอดท่าเรือหาดตาแหวน

» เรียบเรียงโดย www.hotelandresortthailand.com

หลงเสน่ห์ “จ.น่าน” ขออยู่นานๆได้มั้ย…

น่าน จังหวัดที่เต็มไปด้วยเรื่องราวของวัฒนธรรม และเอกลักษณ์ท้องถิ่น บรรยากาศธรรมชาติ ไม่ว่าเราจะไปเที่ยวน่านฤดูไหนก็ตกหลุมรักได้เสมอ มาปักหมุดหยุดเที่ยวน่าน ไปหลงสน่ห์สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยว ที่ Hotelandresortthailand คัดมาให้แล้ว กดแชร์ไว้ได้ไปชัวร์!

อำเภอปัว

เป็นอำเภอที่มีความเป็นธรรมชาติสูงมาก วิวสวยสะกด อากาศดีมากๆ  ผู้คนน่ารักสุดๆ มีที่เที่ยวมากมาย  ทั้งที่เที่ยวทางธรรมชาติ วัดวาอาราม  ปัวเป็นเมืองที่สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปีนะคะ แต่ถ้าอยากเห็นเมืองปัวในแบบที่งามที่สุดควรมาหน้าฝน ช่วงฤดูทำนาตั้งแต่กลางเดือน ก.ย – ต.ค ค่ะ

และใครอยากเห็นวิวทุ่งนาเขียวขจี พร้อมกับจิบกาแฟรสเยี่ยมสักแก้ว “ร้านกาแฟไทลื้อ” ยินดีต้อนรับนะคะ

อำเภอบ่อเกลือ

ที่บ่อเกลือแห่งนี้มีถนนเข้าสู่อำเภอที่โดดเด่นสวยงาม มีที่พักท่ามกลางสายน้ำ และธรรมชาติที่สงบ มีชื่อเสียงในด้านการทำเกลือบนภูเขาเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่เลยนะคะ บ่อเกลือนี้มีมาแต่สมัยโบราณ ผู้คนที่นี่ก็น่ารักมากๆค่ะ

ดอยเสมอดาว

จุดชมวิวทะเลหมอก อำเภอนาน้อย ในเขตอุทยานแห่งชาติศรีน่าน เป็นจุดที่ชมพระอาทิตย์ขึ้น และพระอาทิตย์ตกในเวลาเดียวกัน สามารถชมทะเลหมอกตอนเช้าเห็นวิวได้แบบไม่มีสิ่งใดบดบังเลยค่ะ ในเวลาค่ำก็สามารถชมดาวระยิบระยับเต็มท้องฟ้า สวยบาดใจสุดๆ

เสาดินนาน้อย คอกเสือ

ที่นี่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานศรีน่าน เสาดินนาน้อยเกิดจากการที่ดินตะกอนทับถม ถูกเลื่อนตัวสูงขึ้นจากผิวดิน ผ่านเวลานานหลายล้านปี ถูกน้ำฝนกัดเซาะจนทำให้เกิดรูปร่าง แปลกตา มีอายุประมาณ 30,000-10,000 ปี และอาจเคยเป็นก้นทะเลมาก่อนค่ะ

วัดภูมินทร์

หากได้มาจ.น่านแล้วไม่ได้แวะมาที่วัดภูมินทร์ ก็จะเรียกว่ามาไม่ถึงน่านนะจ๊ะ  วัดชื่อดังซึ่งมีภาพวาดฝาผนังปู่ม่าน ย่าม่าน กระซิบรักบรรลือโลก เป็นภาพวาดที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองน่านไปแล้ว  ความสวยแปลกของวัดภูมินทร์ที่ไม่มีใครเหมือน คือพระอุโบสถทรงจตุรมุขที่มีบันไดนาคทั้งสี่ทิศ ข้างในประดิษฐานพระประธานจตุรพักตร์ 4 ด้าน ไม่ว่าจะเดินขึ้นบันไดทิศไหนก็จะพบพระพักตร์ของพระพุทธรูปทุกด้านค่ะ

วัดพระธาตุเขาน้อย

วัดพระธาตุเขาน้อย อยู่ในตัวเมืองน่านเลยค่ะ องค์พระธาตุตั้งอยู่บนยอดดอยเขาน้อย สามารถมองเห็นทิวทัศน์โดยรอบของตัวเมืองน่านได้แบบเต็มๆตา และที่นี่เป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้น และพระอาทิตย์ตกได้อย่างสวยงาม ในยามเช้าบางวันสามารถมองเห็นหมอกจางๆบางๆปกคลุมอยู่อีกด้วยค่ะ

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน

ที่แห่งนี้เคยเป็นที่ประทับของเจ้าผู้ครองนครน่าน เรียกว่า “หอคำ” ภายในจัดแสดงศิลปะโบราณวัตถุต่างๆทางประวัติศาสตร์ และชีวิตความเป็นอยู่ของชาวพื้นเมืองภาคเหนือ ชาวเขาเผ่าต่างๆ สิ่งสำคัญที่สุดคือ “งาช้างดำ” ถือเป็นของคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดน่าน นอนจากนี้บริเวณด้านหน้าพิพิธภัณฑ์ยังมีซุ้มต้นลีลาวดียอดฮิตที่เหมือนเป็นจุดขายของพิพิธภัณฑ์ฯค่ะ

เที่ยวสไตล์คนรักธรรมชาติ : ❝อุทยานแห่งชาติเขาสก❞ จ.สุราษฎร์ธานี

การท่องเที่ยวแบบธรรมชาติ เชื่อว่าช่วยฟื้นฟูร่างกายได้ดีจริงๆ ไม่ว่าจะเหนื่อยกับงาน ทุกวันต้องเจอกับมลพิษ ฝุ่นควันต่างๆ เราจึงต้องหนีไปฟอกปอด ให้ธรรมชาติบำบัดกันหน่อย แล้วถ้าต้องการธรรมชาติดีๆแถวภาคใต้ “อุทยานแห่งชาติเขาสก” ก็ติดอันดับในเรื่องธรรมชาติสมบูรณ์ สวยงาม อากาศบริสุทธิ์ เหมาะแก่การท่องเที่ยวสไตล์คนรักธรรมชาติอย่างแท้จริง วันนี้เราจึงอยากแนะนำ “อุทยานแห่งชาติเขาสก” และสถานที่ท่องเที่ยวสักเล็กน้อย เลื่อนอ่านกันเลย

“อุทยานแห่งชาติเขาสก” ผืนป่าที่มีความยิ่งใหญ่มากเป็นลำดับต้น ๆ ของภาคใต้ มีพื้นที่ทั้งหมด 461,712 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่อำเภอบ้านตาขุน อำเภอพนม และอำเภอคีรีรัฐนิคม ยังได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2537 สภาพโดยทั่วไปเป็นภูเขาดิน และภูเขาหินปูนสูงสลับซับซ้อน มีสภาพป่าเป็นป่าดงดิบชื้นและป่าเขาหินปูนที่สมบูรณ์มาก มีกิจกรรมที่น่าสนใจได้แก่ การล่องแก่ง เดินป่า นั่งช้าง ดูนก และเดินศึกษาเส้นทางธรรมชาติ

ไฮไลท์ของ“อุทยานแห่งชาติเขาสก” 

สำหรับนักท่องธรรมชาติ การเดินป่าเขาสกเพื่อตามหาพืชพันธุ์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของที่นี่ นั่นคือการตามหา “บัวผุด” หรือกระโถนฤๅษี ดอกไม้ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 70-80 เซนติเมตร มักขึ้นอยู่ตามพื้นดิน จะบานในช่วงเดือนพฤศจิกายนจนถึงมกราคม นอกจากนี้อาจจะพบปาล์มหลังขาว รวมทั้งสัตว์แปลกๆ ที่หายากที่หายกและน่าสนใจ เช่น กบทูด และปลามังกร

 แหล่งท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดชม 

• ❝อ่างเก็บน้ำเขื่อนรัชชประภา❞ ได้ชื่อว่า “กุ้ยหลินเมืองไทย” มีทัศนียภาพอันสวยงามของภูเขาหินปูนที่สลับซับซ้อน มีเมฆหมอกที่ลอยอยู่ยอดเขา น้ำใสมาก และยังสามารถนั่งเรื่อไป และต่อด้วยการเดินเท้าเข้าไปชมถ้ำ ได้อีก 3 ถ้ำ ทั้งถ้ำน้ำทะลุ ถ้ำสี่รู และถ้ำประกายเพชร ทุกถ้ำล้วนมีหินปะการัง หินงอกหินย้อยสวยงาม

• ❝น้ำตกโตนกลอย❞ เกิดจากคลองศก เป็นน้ำตกชั้นเดียว มีลานหินสำหรับพักผ่อนบนชั้นน้ำตก อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 9 กิโลเมตร

• ❝น้ำตกธารสวรรค์❞ โดดเด่นด้วยสายน้ำที่ไหลลงมาจากหน้าผาชัน แล้วพุ่งโค้งแบบรุ้งกินน้ำก่อนไหลลงสู่คลองศก อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 9 กิโลเมตร

• ❝น้ำตกสิบเอ็ดชั้น❞ อยู่ห่างจากที่ทำการฯ 4 กิโลเมตร มีลักษณะเป็นน้ำตกที่ไหลลงมาเป็นชั้นๆ ลดหลั่นกันมาตามร่องหน้าผาดูเป็นรูปขั้นบันได 11 ขั้น ชั้นล่างสุดมีแอ่งน้ำสำหรับลงเล่นน้ำได้ การเดินทางไปน้ำตกสายนี้ต้องเดินเท้าเข้าไป

• ❝น้ำตกแม่ยาย❞ อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ 4.5 กิโลเมตร เป็นน้ำตกชั้นเดียวสูงประมาณ 30 เมตร ซึ่งรถยนต์สามารถเข้าไปถึงได้ โดยที่นี่ตั้งอยู่ริมถนนสายสุราษฎร์ธานี-ตะกั่วป่า บริเวณกิโลเมตรที่ 113

• ❝วังยาว❞ เป็นวังสำหรับเล่นน้ำที่มีขนาดกว้างและยาว โดยสามารถเล่นน้ำพร้อมกันได้ไม่ต่ำกว่า 500 คน ที่นี่อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ 3 กิโลเมตร และอยู่เหนือน้ำตกวิ่งหิน 40 เมตร

• ❝น้ำตกบางหัวแรดและน้ำตกวิ่งหิน❞ จัดเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่มีความสวยงาม โดยมีต้นน้ำมาจากคลองศก มีลักษณะเป็นน้ำตก 2 ชั้น ห่างไปเพียง 120 เมตรจากน้ำตกบางหัวแรด จะพบกับน้ำตกวิ่งหินซึ่งเป็นน้ำตกขนาดเล็ก

• ❝ตั้งน้ำ❞ ทัศนียภาพอันเกิดจากภูเขาที่ถูกน้ำกัดเซาะจนขาดออกจากกัน กลายเป็นหน้าผาหันหน้าเข้าหากัน โดยมีลำคลองศกไหลลอดผ่านเบื้องล่าง ที่นี่อยู่ห่างจากที่ทำการฯ ประมาณ 6 กิโลเมตร ห่างจากน้ำตกวิ่งหินประมาณ 3.2 กิโลเมตร และต้องเดินทางโดยทางเท้าเข้าไป

ฤดูท่องเที่ยว 

ช่วงเวลาเหมาะสมที่สุดสำหรับท่องเที่ยว”อุทยานแห่งชาติเขาสก” คือระหว่างเดือนธันวาคมถึงเดือนเมษายน

สิ่งอำนวยความสะดวก 

อุทยานฯ มีบ้านพักบริการ 2 หลัง ราคา 800-2,500 บาท มีเต็นท์ให้เช่าราคาหลังละ 150-600 บาท/คืน นักท่องเที่ยวที่นำเต็นท์ไปเอง เสียค่าพื้นที่กางเต็นท์ คนละ 30 บาท และค่าพักแรมคนละ 20 บาท และใกล้ที่ทำการอุทยานฯ มีที่พักของเอกชนบริการหลายแห่ง และหากไม่ได้เตรียมอาหารหรือเสบียงในการพักค้างแรมที่อุทยานฯ สามารถจะหาซื้อของใช้ได้ที่บริเวณบ้านตาขุน ซึ่งเป็นชุมชนที่มีร้านค้าหลายแห่งก่อนเดินทางไปอุทยานฯได้

การเดินทาง (จากตัวเมืองสุราษฎร์ธานี) 

❝รถยนต์❞ จากตัวเมืองสุราษฎร์ฯ วิ่งเส้น 401 ถึง อ.บ้านตาขุน ทางเข้าจะอยู่ระหว่าง กม.ที่ 57-58 ก่อนถึงโรงพยาบาลบ้านตาขุน เลี้ยวเข้าไปอีก 12 กม. ถึงเขื่อนรัชชประภา

❝รถประจำทาง❞ จากตัวเมืองสุราษฎร์ฯ จะมีรถประจำทางวิ่งผ่านหลายสาย ให้ลงที่ อ.บ้านตาขุน (ปากทางเข้าเขื่อน) จากนั้นนั่งรถรับจ้างต่อเข้าไปยังตัวเขื่อน หรือโบกรถนักท่องเที่ยวขออาศัยไปด้วยก็ประหยัดไปอีกแบบ

❝รถตู้❞ เมื่อมาถึงตัวเมืองสุราษฎร์ฯแล้ว ก็ต่อรถตู้ ไปอุทยาน มีรถตู้ปรับอากาศ สุราษฎร์ธานี-อุทยานแห่งชาติเขาสก ออกทุกชั่วโมง ตั้งแต่ 06.00 น.-17.00 น.

» เรียบเรียงโดย www.hotelandresortthailand.com

❝เขาค้อ❞ เมืองสายหมอก… ของจังหวัดเพชรบูรณ์

“เขาค้อ” หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในฤดูฝน ไปจนถึงฤดูหนาว ใครที่เคยไปสัมผัสก็ต่างบอกกันว่า “เขาค้อ” จะสวยที่สุดในช่วงฤดูฝน มีทั้งทะเลหมอกสวยฟุ้ง ท้องฟ้าสีสดใส อากาศบริสุทธิ์เย็นสบาย และภูเขาก็เขียวขจีงามตา ใครได้มาเที่ยวก็ต้องติดใจอยากกลับมาอีกแน่นอน วันนี้เราจึงอยากมาแนะนำการท่องเที่ยวในเขาค้อ ว่ามีจุดไหนที่น่าสนใจกันบ้าง เลื่อนอ่านดูกันเลย

“เขาค้อ” เป็นชื่อเรียกรวมของกลุ่มภูเขาน้อยใหญ่ ที่ทอดตัวเรียงรายสลับกันในภาคเหนือตอนล่าง เป็นที่ตั้งของอำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งอำเภอจะอยู่บนภูเขา จัดว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เนื่องจากมีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี มียอดเขาสูงหลายแห่งที่น่าสนใจ มีทัศนียภาพที่สวยงาม และยังเป็นแหล่งชมทะเลหมอกที่สวยงามมากแห่งหนึ่งที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯมากนัก

จุดเด่นของ “เข้าค้อ” คือการท่องเที่ยวชมทะเลหมอกในฤดูฝน ไปจนถึงฤดูหนาว แต่ช่วงฤดูฝนสามารถพบเห็นทะเลหมอกได้ง่ายกว่าฤดูหนาว ส่วนจุดชมวิวทะเลหมอกที่ยอดนิยม ได้แก่ ไปรษณีย์เขาค้อ ร้านกาแฟบิ๊กคอฟฟี่ เขาตะเคียนโง๊ะ และจุดชมวิวทะเลหมอกวัดกองเนียน นอกจากจะมีความสวยงามตามธรรมชาติแล้ว ยังเป็นสถานที่สำคัญอย่างยิ่งทางประวัติศาสตร์ของประเทศ ซึ่งสถานที่สำคัญหลายแห่งบนเขาค้อ ยังปรากฏหลักฐานเหล่านี้อยู่จำนวนมาก

แนะนำจุดชมวิวที่น่าสนใจบนเขาค้อ 

• วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว
ตั้งอยู่บริเวณเนินเขาในหมู่บ้านทางแดง ต.แคมป์สน อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นวัดที่มีความสวยงามวิจิตรตระการตา อยู่ท่ามกลางภูเขาที่สูงใหญ่ซ้อนกันเป็นทิวเขา สามารถมองเห็นทัศนียภาพรอบด้านได้ 360 องศาสวยงามจนเป็นหนึ่งใน Unseen Thailand

• จุดชมวิวแทนรักทะเลหมอก
จุดชมวิวทะเลหมอกยามเช้า เหนืออ่างเก็บน้ำรัตนัย สร้างไว้สำหรับนักท่องเที่ยวได้แวะมาชมทะเลหมอกพร้อมกับสวนดอกไม้สวยๆ มีมุมต่างๆ ให้เลือกถ่ายรูปมากมาย และยังมีร้านกาแฟ ร้านอาหารไว้คอยบริการอีกด้วย

• จุดชมวิวเขาตะเคียนโง๊ะ
ตั้งอยู่ในตำบลหนองแม่นา อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ สามารถชมทะเลหมอกได้รอบทิศแบบ 360 องศา พร้อมบรรยากาศของพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้า และสามารถมองเห็นวิวทิวเขาอันสวยงามที่อยู่เบื้องหน้าเป็นเขาปู่ เขาย่า ที่มีรูปทรงคล้ายภูเขาไฟฟูจิ

• ไร่สตรอว์เบอร์รี่เขาค้อ
ในช่วงฤดูหนาว ตลอดสองข้างทางจะได้เห็นไร่สตรอว์เบอร์รี ที่ปลูกลดหลั่นกันไปตามทิวเขาตลอดทั้งสองข้างทางถนนจะเลือกแวะเที่ยวไร่ไหนแล้วแต่ตามสะดวกซึ่งส่วนใหญ่เปิดให้เข้าชมฟรี

• พระตำหนักเขาค้อ
บริเวณนี้เป็นจุดชมวิวที่สวยงามอีกจุดหนึ่งของเขาค้อ เพราะตั้งอยู่บนที่สูงสามารถมองเห็นทัศนียภาพของเขาค้อได้แบบกว้างไกล โดยเฉพาะในยามเช้ามีโอกาสได้เห็นทะเลหมอกด้วย

• ทุ่งกังหันลม
เป็นอีกหนึ่งสถานที่ใหม่ล่าสุดบนเขาค้อที่สวยงาม ตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่บ้านเพชรดำ จังหวัดเพชรบูรณ์ เมื่อเข้ามาในบริเวณแคมป์สนเพื่อ ไปยังเส้นทางท่องเที่ยวหลักบนเขาค้อ จะสามารถมองเห็นกำหันลมโดดเด่นได้อย่างง่ายได้ ถือเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่นักท่องเที่ยวแวะมาถ่ายรูปกัน

• ฐานอิทธิ (พิพิธภัณฑ์อาวุธ)
เป็นจุดหนึ่งที่เห็นทิวทัศน์สวยงาม และเคยเป็นฐานสำคัญทางยุทธศาสตร์ในอดีต ในปัจจุบันจัดเป็นพิพิธภัณฑ์อาวุธ จัดแสดงปืนใหญ่ ซากรถถัง และอาวุธที่ใช้สู้รบในการรบที่บนเขาค้อมากมาย เปิดให้เข้าชมทุกวัน ค่าเข้าชมคนละ 10 บาท การเดินทางตามทางหลวงหมายเลข 2196 เลยกม. 28 ไปเล็กน้อย แล้วแยกขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 2323 ไปประมาณ 3 กิโลเมตร

• อนุสรณ์สถานผู้เสียสละเขาค้อ
ตั้งอยู่บนยอดเขาสูงสุดของเขาค้อ สร้างขึ้นเพื่อเทิดทูนวีรกรรมของพลเรือน ทหาร ตำรวจ ทหาร ผู้พลีชีพในการสู้รบเพื่อปกป้องพื้นที่ในเขตรอยต่อ 3 จังหวัด คือ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และเลย ตั้งแต่ปี พ.ศ.2511-2525 โดยสร้างเป็นรูปสามเหลี่ยมสูง 24 เมตร เป็นหินอ่อนทั้งหมด ผนังภายในบันทึก ประวัติอนุสรณ์ผู้เสียสละ และรายชื่อวีรชนผู้เสียสละชีวิตเพื่อประเทศชาติ

การเดินทางไปเขาค้อ❀ 

• รถยนต์ส่วนตัว
จากเพชรบูรณ์ไปเขาค้อใช้ทางหลวงหมายเลข 21 (เพชรบูรณ์-หล่มสัก) ถึงสามแยกนางั่ว ระยะทางประมาณ 13 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 2258 อีก 30 กิโลเมตร อีกเส้นทางหนึ่งคือ ไปตามทางหลวงหมายเลข 12 (พิษณุโลก-หล่มสัก) ถึงหลักกิโลเมตรที่ 100 (บ้านแคมป์สน) เลี้ยวซ้ายเข้าเขาค้อตามทางหลวงหมายเลข 2196 อีกประมาณ 33 กิโลเมตร
• รถประจำทาง
นักท่องเที่ยวที่เดินทางโดยรถประจำทางสามารถเช่ารถสองแถวได้ที่ปากทางขึ้นเขาค้อ บริเวณแคมป์สน ในราคาวันละประมาณ 800 บาท มีรถจอดคอยให้บริการตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น.

**พาหนะที่จะขึ้นเขาค้อ ไม่ควรใช้รถบัสขนาดใหญ่ เพราะมีทางโค้งมาก ถนนค่อนข้างแคบและลาดชัน ควรใช้รถปิคอัพหรือรถตู้สภาพดี**

» เรียบเรียงโดย www.hotelandresortthailand.com

✈ ทริปเที่ยวนี้ ไปเหนือกันนะ #ทริปนี้ที่ดอยอ่างขาง #ทริปนี้ที่ดอยอินทนนท์

เชียงใหม่เป็นจังหวัดที่สามารถไปเที่ยวได้ทุกฤดู ไปได้ทั้งปีนะ รู้ยัง ? แค่อ่านคงยังไม่ค่อยอิน อยากฟินต้องตามไปให้ได้นะจ๊ะ ! หากใครมีแพลนกำลังไปเที่ยวเชียงใหม่ อย่าลืมแวะไปสูดอากาศดี๊ดี แนบชิดธรรมชาติ ถ่ายรูปสวยยยยมากก ที่ ดอยอ่างขาง และ ดอยอินทนนท์ Hotelandresortthailand ชวนเที่ยวจ้า

ดอยอ่างขาง

ดินแดนแห่งความโรแมนติก ที่นี่เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตของคู่รัก เพราะบรรยากาศแสนสวย มีที่พักเก๋ๆ ร้านอาหารชิคๆมากมาย ที่ดอยอ่างขางนี้ยังมีจุดชมวิวทะเลหมอก สวนดอกไม้ละลานตาเหมือนภาพชวนฝัน คล้ายว่ากำลังเดินชิลล์ๆอยู่สวิสเซอร์แลนด์เมืองไทยเลยล่ะ

อีกทั้งยังมีไร่ชา ไร่สตรอเบอรี่ ยิ่งถ้าได้มาสัมผัสที่นี่ช่วงหน้าหนาวคงพาฟินสุดๆ แต่ถึงแม้ว่าช่วง Green Season ที่นักท่องเที่ยวบางตา ความสวยงามของดอยอ่างขางแห่งนี้ก็ไม่เบาบางลงเลยนะจ๊ะ

เรียกว่าเป็นบรรยากาศอีกแบบที่น่าลองมาสัมผัส เพราะทั้งสบายหู สบายตา และสบายใจ ใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์กันไป ตามที่ได้กระซิบไว้ว่าที่นี่สามารถมาเที่ยวได้ตลอดทั้งปีจริงๆ ไม่แปลกใจเลยที่นักท่องเที่ยว และเหล่าคู่รักจะหลงรักอากาศบริสุทธิ์ ได้ผ่อนคลายแนบชิดเสพธรรมชาติรัวๆ

ทริปเหนือนี้ถ้ายังไม่รู้จะไปเที่ยวไหน Hotelandresortthailand ขอแนะนำดอยอ่างขางเป็นตัวเลือกหลักเลยจ้า #ทริปนี้ที่ดอยอ่างขาง #ชวนหวานใจไปอ่างขาง

😍 ทริคเล็กๆ

ช่วงเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์  เป็นช่วงฤดูหนาว

บนดอยอ่างขางจะมีความหนาวเย็นและดอกไม้เมืองหนาวออกดอกงดงามมาก ในบางช่วงเวลาอาจจะมีน้ำค้างแข็งหรือเหมยขาบจับยอดหญ้าในยามเช้า ดอกซากุระเมืองไทยหรือต้นพญาเสือโคร่ง จะออกดอกสะพรั่งทั่วทั้งขุนเขา

ช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม  เป็นช่วงฤดูร้อน

ถ้าเป็นช่วงนี้เหมาะเลยที่จะหลบลมร้อนมานอนในบรรยากาศที่สบายๆ ช่วงนี้ต้นเพาโลว์เนียจะออกดอกสีม่วงอมขาวบานสะพรั่งเต็มต้น สวยมากจ้า

ช่วงเดือนมิถุนายน-กันยายน เป็นช่วงฤดูฝน

ถนนหนทางลื่นสักหน่อยแต่ป่า และเทือกเขาจะมีสีเขียวสดชื่น ชุ่มฉ่ำ ถึงแม้อาจจะเสี่ยงต่อการเจอฝนแต่ว่าถ้าหากฝนไม่ตกก็จะเป็นช่วงเวลาที่วิเศษที่สุดเนื่องจากสภาพอากาศจะใสปิ๊ง มองชมวิวได้ไกลๆ ไร้หมอกแดดขุ่นมัวนะจ๊ะ

ช่วงปลายฝนต้นหนาว ตุลาคม-พฤศจิกายน

เป็นช่วงที่อากาศเย็นสบาย ป่ายังไม่แห้งนัก ช่วงนี้ต้นเมเปิล และไม้ป่าอื่นๆเริ่มเปลี่ยนสี กลายเป็นป่าเปลี่ยนสีที่มีสีสันแปลกตา ไปทั่วทั้งหุบเขาเลยจ้า

 

 

🚩 ที่ตั้ง  : ทางหลวงหมายเลข 1249 เชียงใหม่ อยู่บนภูเขาแดนลาวห่างจากจุดชมวิวม่อนสน 220 เมตร

🚩 เวลาเปิด – ปิด : 06.00 น. – 17.00 น.

🚩 อัตราค่าบริการ สามารถติดต่อ-สอบถามรายละเอียดอื่นๆได้ที่ : สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง บ้านคุ้ม หมู่ 5 ตำบลแม่งอน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ 50320 โทร. 0-5345-0107-9

🚩 การเดินทาง

การเดินทางไปดอยอ่างขางโดยรถยนต์ส่วนตัว : ใช้ทางหลวงหมายเลข 107 สายเชียงใหม่-ฝาง ประมาณกิโลเมตรที่ 137 จะมีทางแยกซ้ายมือเข้าบ้านยางที่ตลาดแม่ข่า เข้าไปอีกประมาณ 25 กิโลเมตร เป็นทางลาดยาง สูงและคดเคี้ยว ต้องใช้รถสภาพดีและมีกำลังสูง คนขับควรชำนาญทางนะคะ

การเดินทางไปดอยอ่างขางโดยรถประจำทาง : เช่ารถสองแถวได้ที่ตลาดแม่ข่า รถประจำทาง จากอาเขตช้างเผือก นั่งรถสายเชียงใหม่-ฝาง, เชียงใหม่-ท่าตอน, เชียงใหม่-แม่อาย มาลงหน้าทางขึ้นดอยอ่างขาง แล้วต่อรถสองแถวอีก 25 กิโลเมตรค่ะ

สำหรับผู้ที่ไม่มีรถส่วนตัวและต้องการไปเที่ยวยังจุดต่างๆบนดอยอ่างขาง สามารถเหมารถสองแถวเที่ยวได้ โดยมีรถสองแถวให้บริการบริเวณหน้าสถานีหลายคันจอดให้บริการ หรือจะเหมาจากปากทางขึ้นดอยอ่างขางก็ได้ค่ะ

ดอยอินทนนท์

ที่นี่เรียกได้ว่าเป็น Place To Go ประจำปี หรือสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็น Dream Destination ของใครหลายๆคน หรือบางคนไปมาแล้วแต่ตกหลุมรักจนต้องอยากกลับไปซ้ำๆอีก

ดอยอินทนนท์เป็นยอดดอยที่สูงสุดในเมืองไทย อากาศดีมาก ความเขียวขจีของต้นไม้ใบหญ้าสวยงามมากค่ะ อีกทั้งที่นี่ยังมีจุดชมวิว และสถานที่ต่างๆบนดอยอีกหลายจุดอย่าง ทุ่งนาขั้นบันได ที่บ้านแม่กลางหลวง ชมทะเลหมอก ชมน้ำตก กิ่วแม่ปาน โครงการหลวงอินทนนท์ และอีกหลากหลายที่เที่ยวบนดอยนี้ค่ะ

นอกจากนี้ที่ดอยอินทนนท์ยังมีที่พักให้เลือกมากมายอีกด้วย เหตุผลร้อยแปดที่คุณควรมาสัมผัสที่ดอยแห่งนี้ อ่านจบแล้วรออะไรเล่า วางแพลน ชวนแฟน ลากเพื่อน ลางาน เก็บกระเป๋าจัดทริปเที่ยวเหนือกันเล่ยย #ทริปนี้ที่ดอยอินทนนท์ #อยากฟินไปอินทนนท์

😍 ทริคเล็กๆ

ช่วงฤดูร้อน เดือนมีนาคม พฤษภาคม

แม้อากาศจะร้อนอบอ้าว แต่บนดอยยังมีอากาศสดชื่นเย็นสบาย ท้องฟ้าสดใส วิวสวยงาม ผู้คนบางตา ถ่ายรูปฟินๆกันไปเลยค่ะ

ฤดูฝนเดือนมิถุนายน กันยายน 

ฝนตกชุกเพิ่มความชุ่มชื้นให้ป่า ชมสายหมอกและละอองฝน ที่เพิ่มความสวยงามผสมกลมกลืนกันอย่างน่าอัศจรรย์ ผืนป่าสีเขียวสด อากาศเย็นกำลังดีเลยค่ะ

ฤดูหนาวเดือน ตุลาคม กุมภาพันธ์

อากาศค่อนข้างหนาว ฝนเริ่มลดน้อยลง และอากาศเย็นลง มีอากาศหนาวจัดที่สุดในช่วงเดือนมกราคม เป็นฤดูกาลที่นักท่องเที่ยวนิยมเที่ยวมากที่สุด เพราะสภาพภูมิอากาศหนาวเย็นท้องฟ้าแจ่มใส ตัดกับสีเขียวของป่าไม้ อากาศจะเย็นมากในตอนกลางคืน อุณหภูมิจะลดต่ำกว่า 0 – 4 องศา ซึ่งช่วงนี้แหละที่เราจะได้เห็นน้ำคางแข็งหรือแม่คะนิ้งกันแล้ว

 

 

🚩 ที่ตั้ง  : 119 หมู่ที่ 7 ตำบลบ้านหลวง อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ 50160

🚩 เวลาเปิด – ปิด : 05.00 น. – 18.00 น.

🚩 อัตราค่าบริการ สามารถติดต่อ-สอบถามรายละเอียดอื่นๆได้ที่ : ที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ กม. ที่ 31 อำเภอจอมทอง จ.เชียงใหม่ 50160 โทร. (053) 268550 หรือติดต่อที่สำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900 โทร. (02) 57954852, 5795269

🚩 การเดินทาง

โดยรถยนต์ส่วนตัว

ระยะทางจากตัวเมืองขึ้นไปจนถึงยอดดอยอินทนนท์ประมาณ 106 กิโลเมตร ออกจากตัวเมืองเชียงใหม่ไป ตามทางหลวงหมายเลข 108 เชียงใหม่-จอมทอง ถึงหลักกิโลเมตรที่ 57 ก่อนถึงอำเภอจอมทอง 1 กิโลเมตร แยกขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 1009 สายจอมทอง-อินทนนท์ ระยะทาง 48 กิโลเมตรถึงยอดดอยอินทนนท์ เป็นถนนลาดยางอย่างดีแต่ทางค่อนข้างสูงชัน รถที่นำขึ้นไปจะต้องมีสภาพดีนะคะ

รถโดยสารประจำทาง

นั่งรถสองแถวสายเชียงใหม่-จอมทองบริเวณประตูเชียงใหม่ จากนั้นขึ้นรถสองแถวที่หน้าวัดพระธาตุศรีจอมทอง วรวิหารหรือที่น้ำตกแม่กลาง ซึ่งจะเป็นรถโดยสารประจำทางไปจนถึงที่ทำการอุทยานฯตรงหลักกิโลเมตรที่ 31 และหมู่บ้านใกล้เคียงแต่หากต้องการจะไปยังจุดต่าง ๆ  ต้องเหมาไปคันละประมาณ 800 บาทค่ะ

อาหารเช้าที่ Roydee “หรอยดี” @ Nook Dee Boutique Resort By Andacura

เป็นห้องอาหารเช้าที่สนุกสุดๆ สีสันความเป็นไทยแบบภูเก็ตๆ มาเต็มที่ Roydee หรือ “หรอยดี” มีคอนเซปต์โดนใจอย่างแรงคือความสนุกสนานแบบพื้นบ้านที่สัมผัสได้ ทั้งอาหารการกิน การตกแต่ง และบรรยากาศ และเมนูอาหารเช้าหลากหลาย “หรอยดี” เสิร์ฟตั้งแต่ 07.00 – 10.30 น. อาหารมีทั้งไทย ภูเก็ตพื้นบ้าน ตะวันตก และอาหารเอเชีย

เช้าๆจะดีแค่ไหน หากได้กาแฟโบราณแบบไทยๆสักแก้ว มีให้เลือกเป็นชา กาแฟร้อนโบราณ ทั้งใส่นม และไม่ใส่นม รสชาติหอมเข้มข้น ชงมาแบบไม่เน้นหวาน หากอยากได้หวานมาก-น้อย บอกได้เลย

ไลน์บุฟเฟต์มาในสไตล์วินเทจ ทั้งภาชนะ และการจัดวาง เด็ดสุดคืออาหารในหม้อ


ลองมาเปิดดูกันเลยเริ่มต้นด้วยไส้กรอกอีสาน รสเปรี้ยวกลมกล่อม ของในหม้อจะอุ่นร้อนตลอดเวลา

เป็นไลน์บุฟเฟต์ที่ให้ความแปลกใหม่ มีไส้อั่วด้วย รสเผ็ดร้อนเล็กๆ อร่อยเลย

หมูยอทอด


ของในหม้ออื่นๆก็จะเป็นไส้กรอกต่างๆ เบคอน

แถมมีบุฟเฟต์อีกไลน์ให้เลือกตัก ซึ่งประกอบไปด้วย แฮชบราวน์ ,มะเขือเทศอบ เบคบีนส์ มะเขือเทศอบ ข้าวผัด

แม้อิ่มแค่ไหนก็ไม่หวั่น ทานให้ครบทุกเมนูไปเลย กับขนมหวานพื้นบ้านแบบไทยๆ ที่ชาวภูเก็ตเค้านิยมทานกัน รวมถึงแพนเค้กและวาฟเฟิล

เด็ดตรงที่อันนี้เลย ข้าวเหนียวมีให้เลือก 3 สี ห่อมาในใบตองโปะหน้าด้วยสังขยา หรือกุ้งแห้ง

อันนี้คือขนมถ้วยน้ำตาลแดงหรือขนมโกสุ้ย ขนมพื้นบ้านของภูเก็ต

ไฮไลท์เลย มีขนมครกด้วย รสชาติเค้าทำมาแบบหวานน้อย หอมกะทิ

วาฟเฟิล

French Toast

ครัวซองท์

ซุ้มเบเกอรี่

ก๋วยเตี๋ยว น้ำซุปร้อนๆ รสชาติถูกปากคนไทย เครื่องปรุงมีให้เลือกเยอะ มีพริกเผาให้ใส่ด้วย

Egg Station ก็เริ่ดมาก orderไข่เจียวได้ด้วย

ข้าวต้มเครื่อง หรือข้าวต้มกุ้ย เลือกได้เลย

ไม่ดื่มชากาแฟ ก็เลือกดื่มน้ำขิง น้ำเต้าหู้ได้ค่ะ ดูแลสุขภาพ

อาหารสุขภาพก็ต้องเป็นสลัด ผักสดกรอบๆฉ่ำๆเลย

เครื่องดื่มเป็นน้ำผลไม้หลากรส

อาหารเช้าสไตล์อินเตอร์ก็มี cold cut ต่างๆ

ชีสมี 3 ชนิด

ผลไม้ไทยๆ มีให้เลือกเยอะเลย เป็นมื้อเช้าที่วาไรตี้ทานกัน “หนุกดี” เลยหล่ะ

♥ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ♥
❀ หมายเลขโทรศัพท์: 076-688888
❀ อีเมลล์: info@nook-dee.com | info@roydee.com | fbm@nook-dee.com
❀ เวปไซต์: http://nook-dee.com
❀ เฟซบุ๊ค: Nook Dee Boutique Resort by Andacura | RoyDee Restaurant, Kata Beach

» เรียบเรียงโดย www.hotelandresortthailand.com

มื้อเช้าที่ “เดอะ วิจิตร รีสอร์ท ภูเก็ต” พร้อมจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นแบบส่วนตัว

⛅ ⛅ หากจะหาจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นในเกาะภูเก็ต อาจจะต้องขึ้นเขาแบบลุยๆ กันสักหน่อยหล่ะ  แต่ hotelandresortthailand อยากจะบอกว่ามีทางเลือกที่ดีกว่านั้น

เพียงแค่พักที่ “เดอะ วิจิตร รีสอร์ท ภูเก็ต” แค่นี้ก็จะได้จุดชมวิวสวยๆ นั่งทานอาหารเช้าเพลินๆ รอพระอาทิตย์ขึ้น ที่จะเปลี่ยนน้ำทะเลให้เป็นสีทองระยิบระยับ

“The Savoury” เป็น All day dining และเป็นที่เสิร์ฟอาหารเช้าแบบบุฟเฟต์ด้วย ห้องอาหารโล่งโปร่ง ตกแต่งหรูหรา ที่สำคัญมองเห็นวิวทะเลและสระว่ายน้ำเต็มๆ เป็นห้องอาหารแบบ open รับลม ในขณะเดียวกันก็มีพื้นที่ห้อง air conditioning ด้วย

แต่ถ้าอยากได้โต๊ะสวยๆ sunrise breakfast ตั้งแต่เช้าตรู่ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ล่วงหน้าหนึ่งวันนะคะ เค้าจัดโต๊ะรับแสง ชมอาทิตย์ให้ได้ ถ่ายรูปสวยสุดๆ ไปเลย

ไลน์บุฟเฟต์มีความหลากหลาย ทั้งอาหารไทยและสากล

ซูมอาหารเอเชียกันก่อน รสชาติจะไม่จัด เป็นรสกลางที่ทุกคนทานได้

แล้วก็จะมีไส้กรอกหมู ไส้กรอกไก่ แฮม แฮชบราวน์

แต่ที่แซ่บสุดๆ มีเฉพาะวันเสาร์เท่านั้น เมนูที่คนทานรสจัดจะต้องชอบ ขนมจีนน้ำยาปู อร่อยแบบ 1 จานไม่พอ

ตามด้วยชาชักสไตล์ภูเก็ต กลิ่นชาหอมหวล รสชาติละมุน พลาดไม่ได้จริงๆ

Pastry มีให้เลือกเยอะเลย

มีปาท่องโก๋ด้วย

ข้าวต้มร้อนๆ

noodle station

ตรงนี้เป็น Egg Station เมนูไข่หลากหลายแบบทำสดๆตามสั่ง พร้อม แพนเค้ก เฟรนช์โทส และเครป ร้อนๆ

egg benedict

ออมเล็ตทำสดใหม่ร้อนๆ พร้อมเบคอนทอดกรอบ

มุมนี้เป็นcold cut มีหลายอย่างเลย พวกซาลามี่ และโบโลน่าหลายชนิด รวมถึงแซนวิชขนาดพอดีคำ

ชอบ“The Savoury” ที่แยกโซนสลัด ผลไม้ และน้ำดื่มมาไว้อีกโซนหนึ่งเลย สลัดและน้ำสลัดมีให้เลือกเยอะตอบโจทย์ความชอบอาหารหลากหลายวาไรตี้

ซีเรียล ผลไม้อบแห้ง

มุมผลไม้สดตามฤดูกาล มีให้เลือกเยอะมาก และสดจริงๆ

♥ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ♥
❀ หมายเลขโทรศัพท์: 076-363600
❀ อีเมลล์: reservation@vijittresort.com
❀ เวปไซต์: www.vijittresort.com
❀ เฟซบุ๊ค: The Vijitt Resort Phuket
❀อินสตาแกรม: vijittresortphuket

» เรียบเรียงโดย www.hotelandresortthailand.com

☺ พาชม “สามพันโบก” แกรนด์แคนยอนเมืองไทย อยู่ไม่ไกล อุบลราชธานีนี่เอง !

เมื่อไปเยือนอุบลราชธานี อย่าลืม ! แวะเที่ยว “สามพันโบก” กันสักนิด รับประกันความสวยที่ไม่แพ้เมืองนอกเลยล่ะ และวันนี้เราจะพาเป็นชมความสวย เรียกน้ำย่อยกันสักหน่อย พร้อมแนะนำการเที่ยวเล็กๆน้อย ไปดูกันเลย

“สามพันโบก” ตั้งอยู่ที่บ้านโป่งเป้า หมู่ที่ 4 ตำบลเหล่างาม อำเภอโพธิ์ไทร จังหวัดอุบลราชธานี มีลักษณะเป็นแก่งหินที่อยู่ใต้ลำน้ำโขง ในช่วงฤดูน้ำหลากซึ่งเกิดจากแรงน้ำวนกัดเซาะ จนทำให้แก่งหินเหล่านี้กลายเป็นแอ่งมากกว่า 3,000 แอ่ง และคำว่า “แอ่ง” ในภาษาอีสานหรือภาษาลาวจะเรียกว่า “โบก” จึงเป็นที่มาของคำว่า “สามพันโบก”

ในช่วงฤดูแล้งน้ำแห้งขอด “สามพันโบก” จะโพล่ขึ้นมาเหนือพื้นน้ำให้เห็นคล้ายเป็นภูเขากลางลำน้ำโขง เป็นความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติสุดอลังการกลางลำน้ำโขง ทำให้หลายคนขนานนามให้ที่นี่เป็น “แกรนด์แคนยอนเมืองไทย” เลยทีเดียว แอ่งหินและแก่งหินใน “สามพันโบก” ที่ถูกน้ำกัดเซาะจะมีลักษณะและรูปทรงที่แตกต่างกันไปมากมายหลายหลาก เช่น รูปมิกกี้เม้าส์ รูปหัวใจ รูปดาว รูปเต่า รูปหนู รูปหัวสุนัข ฯลฯ

หากอยากเที่ยว“สามพันโบก”แบบเต็มอิ่ม แนะนำให้ล่องเรือตามลำน้ำโขงที่หาดสลึง ซึ่งเป็นท่าเรือสำหรับพานักท่องเที่ยวไปเที่ยวยังจุดต่าง ๆ และมีจุดท่องเที่ยวที่สำคัญดังนี้

สามพันโบก แกรนด์เคนยอนด์แห่งเมืองสยาม
หาดหงส์ หาดทรายสุดกว้างใหญ่ริมแม่น้ำโขง ที่เกิดจากการพัดพาของลม สามารถที่จะเดินขึ้นไปเที่ยวชม รวมทั้งเล่นสไลเดอร์ได้อีกด้วย
ปากบ้อง ซึ่งเป็นจุดที่แม่น้ำโขงแคบที่สุดตลอดระยะทางยาวกว่า 700 กิโลเมตร โดยมีความกว้างของแม่น้ำเพียง 56 เมตร เท่านั้น
หินหัวพะเนียง อยู่ถัดจากบริเวณปากบ้องขึ้นไปทางเหนือ มีแก่งใหญ่ขวางกลางลำน้ำโขงทำให้แม่น้ำโขงแยกออกเป็นสองสาย หรือที่เรียกกันว่า “แก่งสองคอน”
หลักศิลาเลข อยู่ก่อนถึงหาดหงส์ เป็นบริเวณหน้าผาหินสูงในลำน้ำโขง ที่มีการแกะสลักตัวเลข ที่ฝรั่งเศสมาทำเอาไว้เพื่อบอกระดับน้ำในแม่น้ำโขง เพื่อความปลอดภัยในการเดินเรือ สมัยที่ฝรั่งเศสปกครองลาว

นอกจากนี้แล้ว บริเวณหาดสลึงยังมีที่พักไว้สำหรับพักผ่อนกันสะดวก สบาย พร้อมทั้งมีร้านอาหารไทย ร้านอาหารอีสานรสชาติเยี่ยม และห้องน้ำไว้คอยบริการ

ช่วงที่เหมาะไปเที่ยว“สามพันโบก” คือตั้งแต่เดือนธันวาคม – พฤษภาคม แนะนำว่าให้ไปเที่ยวช่วงเวลาประมาณ 06.00-09.00 น. และ 15.00-17.30 น. เป็นช่วงที่แดดร่ม อากาศกำลังสบายๆ และแสงสวยเป็นพิเศษ ใครที่ชื่นชอบการถ่ายรูปจะดีมากๆ ควรเตรียมอุปกรณ์ป้องกันความร้อนไปด้วยน้า

** “สามพันโบก”จะงามสุดๆ ในเดือนเมษายนที่น้ำแห้งที่สุดและมีโบกโผล่พ้นน้ำล้นหลามมากสุด**

การเดินทางท่องเที่ยวไปยังสามพันโบก (จากตัวเมืองอุบลราชธานี)

❝รถยนต์ส่วนตัว❞
• ขับไปตามถนนทางหลวงจังหวัดหมายเลข 2050 มุ่งหน้าไปยังอำเภอโพธิ์ไทร เมื่อไปถึงอำเภอโพธิ์ไทร ให้เข้าถนนทางหลวงหมายเลข 2112 แล้วจะมีทางแยกออกไปยังสามพันโบก หากใครอยากล่องเรือให้ขับไปทางหาดสลึง

❝รถโดยสารประจำทาง❞
• มีรถทัวร์ปรับอากาศของบริษัท เชิดชัยทัวร์จากกรุงเทพฯ – สองคอน ลงที่สองคอนหลังจากนั้นก็โทรแจ้งให้ รีสอร์ทขับรถมารับ (เสียค่าใช้จ่ายแล้วแต่ตกลง) หรือ อาจจะอาศัยโบกรถของชาวบ้านมาลงแถวนั้น

» เรียบเรียงโดย www.hotelandresortthailand.com

เรื่องราวท่องเที่ยว By Hotel&Resort