ถ้าคุณอยากหลีกหนีความวุ่นวาย แต่ท้องทะเลและภูเขาอาจฟังดูน่าเบื่อมากเกินไปแล้ว วันนี้จึงขอแนะนำคุณไปสัมผัสอีกโลกหนึ่ง ซึ่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลอย่าง “สระมรกต” แห่งจังหวัดกระบี่ ที่เมื่อคุณได้เห็นแล้วต้องบอกเลยว่า มีน้ำใสๆ มีฟ้าสวยๆ แถมด้วยใบไม้เขียวๆ พร้อมให้นักท่องเที่ยวอย่างคุณได้เก็บเกี่ยวและสัมผัสความสุขได้อย่างเต็มปอด

 

เมื่อเอ่ยถึงจังหวัดกระบี่ นอกจากจะมีชื่อเสียงของผืนน้ำทะเลที่สวยงามแล้ว คุณรู้หรือไม่ว่า สถานที่แห่งนี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่น่าสนใจอีกที่หนึ่ง ซึ่งนั่นก็คือ “สระมรกต” ที่ตั้งอยู่ในอำเภอคลองท่อม โดย ณ เวลานี้สถานที่ดังกล่าวได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว Unseen ที่หลายๆ คนให้ความสนใจกันเป้นอย่างมาก ด้วยเอกลักษณ์เฉพาะอย่างน้ำใสสีเขียวอมฟ้าใจกลางผืนป่า ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากธารน้ำอุ่นในผืนป่าที่ราบต่ำของภาคใต้

 

 

สำหรับการเดินทางมายังสระมรกตแห่งนี้ นับว่าเป็นเรื่องที่ง่ายยิ่งกว่าการปลอกเปลือกกล้วย เพราะถ้าคุณเดินทางมาจากตัวเมืองกระบี่แล้วให้ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 4 ไปทางอำเภอเหนือคลองจนถึงอำเภอคลองท่อม เมื่อถึงแยกไฟแดงให้เลี้ยวซ้ายไปทางอำเภอลำทับ ให้ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 4038 แล้วมุ่งหน้าไปประมาณ 100 เมตร จากนั้นให้เลี้ยวขวาไปทางอำเภอคลองท่อมใต้-ทับไทร อีกประมาณ 17 กิโลเมตร ก็จะเห็นทางเข้าของสระมรกตแล้ว

 

การที่จะเจอของดีแน่นอนว่า นั่งรถต่อเดียวคงง่ายเกินไปนิด ดังนั้น ธรรมชาติจึงสรรสร้างให้บรรดานักท่องเที่ยวจำเป็นต้องเดินเท้า เพื่อเข้าไปยังสระมรกตอีกประมาณ 800 เมตร หรือสามารถเลือกเดินศึกษาธรรมชาติที่มีระยะเดินประมาณ 2.7 กิดลเมตร แต่ก็จะมาบรรจบกันที่สระมรกตที่เดียวกัน โดยที่ตลอดเส้นทางเดินชมธรรมชาตินั้นจะเป็นป่าที่ร่มรื่นเขียวขจีเต็มไปด้วยพรรณไม้นานานพันธุ์ที่น่าสนใจ และยังเป็นแหล่งชมนกนานาชนิดที่หายาก เช่น นกแต้วแร้วท้องดำ นกกระเต็นสร้อยคำสีน้ำตาล เป็นต้น นอกจากนี้ตลอดสองฝั่งข้างทางยังมีสายน้ำที่ไหลผ่านชวนให้รับรู้ถึงความสดชื่น โดยก่อนที่จะไปถึงสระมรกตคุณสามารถพบกับสระแก้วที่มีน้ำใสสีเขียวเต็มไปด้วยพืชน้ำขึ้นอยู่ข้างใต้อย่างหนาแน่น

 

หลังจากที่ย่ำเท้าสูดกลิ่นผืนป่าแบบเดินสบายกันมาหอมปากหอมคอแล้ว ก็ถึงคราวของสิ่งสำคัญที่คุณรอสัมผัสอย่าง สระมรกต ซึ่งเป็นสระน้ำที่มีสีเขียวมรกตสมชื่อ โดยมีรูปทรงเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส กว้างประมาณ 25 เมตร ยาว 20 เมตร และมีระดับความลึกราว 1.5 – 2 เมตร ซึ่งเหตุที่เป็นเช่นนี้ก็ไม่ใช่เพราะคราบตะไคร่เขียวอี๋ หากแต่เป็นแบคทีเรียและสาหร่ายในน้ำซึ่งจะทำให้น้ำมีสีต่างๆ แตกต่างกัน โดยอุณหภูมิของน้ำจะอยู่ที่ 30 – 50 องศาเซลเซียส และนอกจากนั้นสายน้ำแร่ใต้ดินที่มีอยู่บริเวณนี้ยังทำให้สารแขวนลอยในน้ำตกตะกอน จึงทำให้น้ำมีความใสมากอีกด้วย ซึ่งถ้าเราเดินขึ้นไปอีกหน่อยก็จะเห็นต้นน้ำที่ไหลเป็นสายลงมารวมกันกลายเป็นสระมรกตแห่งนี้

 

 

 

นักท่องเที่ยวที่มาถึง สระมรกต แล้วนั้นสามารถลงเล่นน้ำได้อย่างสบายใจ เพราะไม่มีการสั่งห้ามลงสระ แต่เรื่องของอาหารการกินอาจต้องรับประทานกันให้เรียบร้อยมาเสียก่อน เพราะเจ้าหน้าที่จะไม่อนุญาตให้นำอาหารเข้ามาทานในบริเวณนี้ด้วย เนื่องจากเศษขยะที่หลายคนนำติดมาด้วยนั้นอาจทำให้เกิดความเสียหายและทำให้ความสวยงดงามของสระมรกตแห่งนี้ลดน้อยลง

 

ความสวยสดใสของทะเลฝั่งอันดามันมันสวยงดงามเช่นไร ต้องบอกเลยว่า “สระมรกต” นั้นก็มีความใสสะอาดและสวยสดงดงามไม่แพ้กัน ซึ่งถ้าคุณกำลังเบื่อกับแสงแดงที่ร้อนแรง หรือความเหนียวเหนะจากเกลือและลมทะเลอยู่นั้น สระมรกตแห่งนี้ก็คงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าท่องเที่ยวไม่ใช่น้อย และเมื่อไรที่คุณได้ไปสัมผัสด้วยตัวคุณเองคุณจะรู้ทันทีว่าโลกของเรานี้มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าอัศจรรย์ใจรอต้อนรับคุณอยู่ ขอแค่เพียงคุณได้ออกไปสัมผัสมัน

 

เรียบเรียงโดย  www.hotelandresortthailand.com

 

การท่องเที่ยวเปรียบเสมือนการได้พักผ่อนอย่างหนึ่ง แม้ว่าเส้นทางสู่จุดหมายปลายทางนั้นอาจไม่ได้สะดวกสบายเท่าไร แต่เชื่อว่านักท่องเที่ยวทุกคนคงสุขใจเมื่อได้ไปยืนอยู่ในที่ที่ใฝ่ฝันและอยากกลับไปเยือนอีกครั้ง แต่แทนที่จะปล่อยตัวปล่อยใจให้สบายและผ่อนคลายกับช่วงเวลาที่พักผ่อน ก็ยังคงมีบางเรื่องที่ทำให้คุณกังวลใจอยู่ไม่น้อย ถ้าเช่นนั้นคุณลองทิ้งความเครียดและความกังวลทั้งหมดออกไป แล้วลองทำตามคำแนะนำของเวบไซต์ buzzfeed กันดูนะคะรับรองว่าจะทำให้การท่องเที่ยวมีสีสันและชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น

 

1. ทุกวันก็สามารถเที่ยวได้ : คุณไม่ต้องรอให้ถึงวันหยุดยาวหรือวันหยุดสุดสัปดาห์เลย คุณสามารถผ่อนคลายตัวเองได้ด้วยการกิน การเที่ยว หรือแฮงก์เฮ้าท์ระหว่างวันก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย ถ้าหาดไม่ได้ทำให้การงานเสียหาย

 

2. กินยากเกินไป : ไปเยือนถิ่นนั้นๆ ทั้งที ทำไมไม่ลิ้มลองอาหารท้องถิ่นบ้าง ถ้าคุณมัวแต่เลือกกินหรือสรรหาอาหารที่คุณชื่นชอบทุกมื้อแบบนี้รับรองว่าการพักผ่อนของคุณจะขาดสีสันอย่างแน่นอน

 

 

3. ไม่ต้องหาที่พักที่สวยหรู : คุณลองเปลี่ยนมาพักพวกโฮมสเตย์หรือกางเต็นท์นอนท่ามกลางป่าเขาบ้างก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบ และแถมยังมีโอกาสได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์การท่องเที่ยวกับผู้อื่นอีกด้วย

 

 

4. เรียนรู้ภาษาท้องถิ่น : ลองนึกถึงภาพเวลาที่คุณได้ยินคนต่างชาติพูกคำว่า “ซา หวัด ดี” แบบไม่ชัดสิคะ คุณคงอดอมยิ้มไม่ได้ คุณเองก็เช่นกันควรที่จะเรียนรู้ภาษาถิ่นง่ายๆ ไว้พูดบ้าง ซึ่งเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้แต่สามารถสร้างความประทับใจให้ผู้ได้ยินมากยิ่งขึ้น

 

5. ทักทายนักท่องเที่ยวด้วยกัน : ไม่ว่าคุณจะเดินทางไปที่แห่งใด เมื่อคุณได้พบกับน้องท่องเที่ยวคนอื่นๆ ก็ลองพูดคุยทักทายหรือซักถามได้ เพื่อผูกมิตรไมตรีกันไว้ เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่มีอะไรเสียหายอยู่แล้ว

 

 

6. หลงทางเรื่องสนุก : แม้ว่าคุณจะวางแผนมาอย่างดีแล้ว แต่คงต้องมีบ้างที่บางครั้งคุณหลงทางเพระไม่มีใครจำทางได้ดีอย่างเจ้าถิ่นอยู่แล้ว และก็ไม่เห็นต้องเครียดด้วยกับการหลงทาง เพราะบางทีการหลงทางของคุณอาจจะนำคุณไปพบกับสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ ก็เป็นได้

 

7. ทำเรื่องสนุกที่ท้าทายบ้าง : คุณอาจจะดำน้ำชมหมู่ฝูงปลาปะการัง ปืนเขา หรือลองเล่นกระดานโต้คลื่นสักครั้งรับรองว่าการท่องเที่ยวนี้แจ่มกว่าเดิมอย่างแน่นอน

8. ส่องแสงสียามค่ำคืนในที่อื่นๆ : แม้คุณจะไม่ใช่คนที่ชอบดื่มหรือเที่ยวกลางคืนก็ตาม แต่การที่คุณได้ไปสัมผัสความคึกคักหรือดูให้เห็นกับตาว่าสถานที่นั้นๆ ในยามค่ำคืนเป็นอย่างไรก็ไม่ใช่เรื่องที่เสียหายเลย

 

 

9. อยากทำอะไรก็ทำไปเลย : เมื่อได้ยินอาจดูเพี้ยนๆ ไปบ้าง แต่เชื่อสิว่ามันจะเป็นประสบการณ์ที่แสนสนุกสำหรับคุณอย่างแน่นอน เช่น แอ็คชั่นท่าทางที่ตลกๆ ในการถ่ายรูป หรือลองนั่งรถเมล์ของท้องถิ่นนั้นๆ รับรองว่าสิ่งที่คุณเห็นจะมีคุณค่ามากกว่าที่หนังสือหรือข้อมูลในอินเทอร์เน็ตบอกเสียอีก และจะเป็นสิ่งที่คุณจะจดจำและนึกถึงไปอีกนานแสนนาน

 

10. กินอยู่อย่างประหยัด : สำหรับคนที่มีงบน้อยอยู่แล้วคงไม่ใช่เรื่องที่ยาก แต่สำหรับคนที่มีเงินเหลือเฟือที่จะซื้อของอะไรก็ได้นั้นก็ลองกินอยู่แบบพอดี หรือลิ้มลองรสอาหารถูกๆ บ้าง บางทีคุณอาจจะค้นพบเมนูโปรดจานใหม่ในแบบราคาสบายกระเป๋า

 

 

11. นอนดึกตื่นเช้า : สำหรับบางสถานที่อาจมีไฮไลท์เด็ดๆ ในยามค่ำคืน มีถนนคนเดิน มีแสงสีที่มาพร้อมกับดนตรีสด และแม้จะนอนดึกแค่ไหน ก็อย่านอนเพลินจนตะวันตกดินอดไปเที่ยวสัมผัสบรรยากาศดีๆ ในยามเช้ากันนะคะ เพราะเชื่อว่าการตื่นเช้านั้นจะทำให้คุณมีประสบการณ์ที่แปลกใหม่กลับไปอย่างเพียบเลย

 

12. พูดคุยกับคนแปลกหน้า : ไม่ใช่เรื่องที่เสียหายที่คุณจะเข้าไปพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์หรือสร้างมิตรภาพไว้ ทั้งนี้ก็ต้องดูให้ดีๆ ด้วยว่าเขาพร้อมที่จะเป็นมิตรกับคุณหรือเปล่า

 

13. วางแผนไว้แต่ไม่ต้องทำตามทุกอย่างก็ได้ : การวางแผนท่องเที่ยวเป็นเรื่องที่ดีและควรจะทำอย่างยิ่ง แต่ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องทำตามตารางที่วางไว้ก็ได้ ซิกแซกหรือซอกแซกไปในที่ที่คุณอยากไปบ้างหรือทำอะไรที่นอกกรอกบ้าง แล้วจะยิ่งทำให้การท่องเที่ยวของคุณนั้นน่าสนุกและตื่นเต้นกว่าเดิม

 

 

14. มันอาจเป็นครั้งเดียวในชีวิตของคุณ : บางสถานที่ก็ไม่ใช่ที่จะเดินทางไปได้ง่ายๆ ไหนจะเรื่องเส้นทางที่แสนลำบากในการเข้าถึง รวมทั้งเรื่องงบประมาณด้วย ดังนั้นทำอะไรให้เต็มที่ไปเลย มาเที่ยวทั้งทีก็ต้องทิ้งความกังวลไว้ก่อนแล้วปล่อยตัวปล่อยใจให้สนุกสุดๆ ไปเลย เพื่อให้การท่องเที่ยวนั้นเต็มไปด้วยสีสันที่น่าจดจำ

 

ใครที่อยากท่องเที่ยวแบบเพิ่มสีสันให้กับชีวิต และไม่ต้องกลัวพลาดอะไรไปก็ลองนำทิปส์เหล่านี้ไปปรับใช้กันนะคะ เพราะมันอาจจะเป็นแค่ครั้งเดียวในชีวิตของคุณก็ได้กับสถานที่นั้นๆ

 

เรียบเรียงโดย  www.hotelandresortthailand.com

 

สำหรับช่วงนี้หลายท่านคงได้สัมผัสกับอากาศที่ร้อนอบอ้าว เชื่อว่านักท่องเที่ยวหลายท่านคงกำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวที่ช่วยคลายร้อนกันอยู่ ซึ่งนอกจากทะเลน้ำใสดั่งกระจกแล้วนั้น วันนี้ “น้ำตก” ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีสำหรับการคลายร้อนได้เช่นกัน วันนี้จึงได้รวบรวมน้ำตกเด็ดทั้ง 7 แห่งที่ได้รับการกล่าวขานว่างดงามและอลังการที่สุดในประเทศไทยมาฝากกันค่ะ เผื่อเป็นตัวเลือกให้สำหรับการผ่อนพักคลายร้อนกันค่ะ ลองไปชมกันได้เลยค่ะ

 

1. น้ำตกโตนงาช้าง จ.สงขลา

ตั้งอยู่ภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโตนงาช้าง ถือได้ว่าเป็นน้ำตกที่มีความสวยงดงามและมีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่งของภาคใต้ และจังหวัดสงขลา เลยทีเดียว น้ำตกโตนงาช้างแห่งนี้มีทั้งหมด 7 ชั้น โดยที่ชั้นที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ โตนงาช้างชั้นที่ 3 เพราะมีสายน้ำตกแยกออกเป็นสองสายคล้ายงาช้าง และนอกจากนี้ยังมีทางเดินไว้สำหรับศึกษาธรรมชาติและเที่ยวชมน้ำตกในชั้นต่างๆ อีกด้วย ซึ่งน้ำตกโตนงาช้างนี้จะมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันออกไป ได้แก่ ชั้นที่ 1 โตนบ่า, ชั้นที่ 2 โตนปลิว, ชั้นที่ 3 โตนงาช้าง, ชั้นที่ 4 โตนดำ, ชั้นที่ 5 โตนน้ำปล่อย, ชั้นที่ 6 โตนฤาษีคอยบ่อ และชั้นสุดท้ายชั้นที่ 7 โตนเหม็ดชุน หากนักท่องเที่ยวสนใจที่จะคลายร้อนที่น้ำตกนั้น น้ำตกโตนงาช้างจึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอีกสถานที่หนึ่งกันเลยทีเดียว

 

2. น้ำตกแม่เตี๊ยะ จ.เชียงใหม่

น้ำตกที่มีความสวยงดงามและอลังการอีกแห่งหนึ่งของภาคเหนือ น้ำตกแห่งนี้เป็นน้ำตกที่อยู่ในบริเวณกลางป่าลึกในห้วยแม่เตี๊ยะตอนกลาง ตำบลดอยแก้ว อำเภอจองทอง จังหวัดเชียงใหม่ มีลักษณะเป็นน้ำตกที่สูงใหญ่และสวยงดงามที่สุดในอุทยานแห่งชาติออบหลวง โดยที่น้ำตกแห่งนี้มีหน้าผาสองชั้นติดต่อกัน มีน้ำตลอดปี จึงทำให้มีความงดงามของน้ำตกตลอดทั้งปี นอกจากนี้น้ำตกแห่งนี้เหมาะสำหรับศึกษาธรรมชาติเป็นอย่างนี้ เนื่องจากบริเวณนี้เป็นพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ทั้งพืชพรรณ ป่าไม้ที่ถือได้ว่าเป็นป่าต้นน้ำรวมถึงสัตว์ที่อาศัยอยู่ตามธรรมชาติ อาทิเช่น นก เป็นต้น

 

3. น้ำตกทีลอซู จ.ตาก

น้ำตกทีลอซู มาจากภาษากะเหรี่ยง มีความหมายว่า “น้ำตกดำ” หรือ “น้ำตกที่ยิ่งใหญ่” ตั้งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง มีลักษณะเป็นน้ำตกเขาหินปูนขนาดใหญ่เกิดจากลำน้ำห้วยกล้อท้อทั้งสายที่ไหลแผ่ปกคลุมพื้นที่หน้าผาก่อนที่จะทะยานลงสู่หน้าสูงชันที่ลดหลั่นกันเป็นชั้นๆ ปัจจุบันน้ำตกทีลอซูแห่งนี้ถือว่าเป็นน้ำตกที่มีความยิ่งใหญ่และสวยงดงามที่สุดในประเทศไทย ด้วยน้ำที่ใสสะอาด โดยเฉพาะในฤดูฝนนับได้ว่าเป็นช่วงที่น้ำตกสวยที่สุด

 

4. น้ำตกปิตุ๊โกร จ.ตาก

น้ำตกปิตุ๊โกร หรือ ปิตุ๊โกรลอซู มาจากภาษากะเหรี่ยงว่า “ปิ๊ตุ๊โกร” หรือบ้างก็เรียกว่า “ปิ๊ตุ๊ลอซู” หรือ “เปรโต๊ะลอซู” น้ำตกแห่งนี้ตั้งอยู่บนเทือกเขาดอยสามหมื่น อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก ถือได้ว่าเป็นน้ำตกแห่งหนึ่งที่มีความสวยงาม และเป็นน้ำตกที่สูงที่สุดเลยก็ว่าได้ โดยน้ำตกปิตุ๊โกรมีลักษณะเป็นสายน้ำที่ไหลผ่านหน้าผาหินขนาดใหญ่ และชั้นที่เป็นไฮไลท์ที่สำคัญที่สุดก็คือ ชั้นน้ำตกที่ไหลรวมกันจากด้านขวาและด้านซ้ายเป็นรูปตัววีขนาดใหญ่ จนเกิดเป็นม่านสีขาวเมื่อมองดูแล้วจะมีลักษณะคล้ายรูปหัวใจ นับว่าเป็นน้ำตกที่สวยและงดงามมากๆ อีกแห่งหนึ่ง

 

5. น้ำตกห้วยใหญ่ จ.นครราชสีมา

น้ำตกห้วยใหญ่ ถือว่าเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่สมกับชื่อ ตั้งอยู่ในส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติทับลาน อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา มีลักษณะเป็นน้ำตกทั้งหมด 5 ชั้น ที่เชื่อมต่อกับน้ำตกสวนห้อม ตำบลวังน้ำเขียว ซึ่งน้ำตกห้วยใหญ่นี้จะมีน้ำมากในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงเดือนตุลาคมของทุกปี นับได้ว่าเป็นน้ำตกอีกแห่งหนึ่งที่มีขนาดใหญ่และสวยงดงามมากเหมาะแก่การคลายร้อนในฤดูร้อนๆ แบบนี้

 

6. น้ำตกโกรกอีดก จ.สระบุรี

น้ำตกโกรกอีดก มาจากภาษาท้องถิ่นที่เรียกตามภูมิศาสตร์ของภูเขาโดยรอบที่มีมากมายหลายเทือกเขา ซึ่งคำว่า “โกรก” มาจาก “ภูเขา” และ “ดก” มาจาก “เยอะ” ต่อมาชาวบ้านจึงเรียกน้ำตกแห่งนี้ว่า “โกรกอีดก” โดยน้ำตกแห่งนี้มีลักษณะเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่สวยงดงามแบ่งออกเป็น 8 ชั้น และนักท่องเที่ยวสามารถเที่ยวชมน้ำตกได้ทุกชั้น โดยเฉพาะชั้นที่ 6 และชั้นที่ 7 นั้น ได้ที่รับความสนใจเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นชั้นที่สวยงามกว่าชั้นอื่นๆ

 

7. น้ำตกไทรโยคน้อย จ.กาญจนบุรี

“น้ำตกไทรโยคน้อย” หรือ “น้ำตกเขาพัง” ตั้งอยู่ภายในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยค ซึ่งเป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงมาช้านาน เหตุที่ได้รับการเรียกชื่อว่า น้ำตกเขาพัง นั้นเนื่องจากน้ำตกแห่งนี้เกิดขึ้นบนหน้าผาหินปูนที่พังทลายลามาจนเกิดเป็นโขดหินปูนที่ลดหลั่นลงมาอยู่บริเวณเชิงเขา โดยที่ต้นกำเนิดของสายน้ำนี้เกิดจากน้ำที่ผุดจากภูเขาแล้วไหลมาเรื่อยๆ ตามลำธารเล็กๆ จึงไหลตกลงมาที่ผาหินปูนแล้วแผ่กระจายไปตามพื้นที่เขาที่ลาดเอียงภายใต้ร่มเงาของพันธุ์ไม้นานาชนิด ซึ่งสวยงดงามเกินคำบรรยาย รวมไปถึงบรรยากาศ อากาศที่แสนสบายสดชื่น และนอกจากนี้ในลำธารก็ยังมีต้นกกขึ้นอยู่กระจัดกระจาย บรรยากาศโดยรวมของน้ำตกไทรโยคแห่งนี้ถือว่าเป็นที่น่าประทับใจและดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นจำนวนมากมายมหาศาลในทุกๆ ปี เหมาะสำหรับการคลายร้อนเป็นอย่างยิ่ง

 

นับได้ว่าน้ำตกเด็ดทั้ง  7 แห่งนี้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่สำหรับคลายความร้อนจากอากาศได้ดีทีเดียว หากช่วงใดที่เบื่อน้ำทะเลแล้วก็อย่าลืมลองเลือกน้ำตกสักที่แล้วแวะไปเที่ยวกันนะคะ

 

เรียบเรียงโดย  www.hotelandresortthailand.com

 

 

1. หมู่เกาะรัง จ.ตราด

หมู่เกาะรัง เป็นบริเวณที่มีปะการังสวยงดงามมากที่สุดแห่งหนึ่งของทะเลจังหวัดตราด และที่สำคัญยังเป็นแนวปะการังน้ำตื้นที่มีชื่อเสียงระดับโลกอีกด้วย จนหนังสือเกี่ยวกับการดำน้ำของอเมริกายกให้หมู่เกาะรังติด 1 ใบ 5 ของแหล่งดำน้ำโลกมาแล้วด้วย นอกจากนี้ยังมีเกาะยักษ์ใหญ่ และเกาะยักษ์เล็ก ที่ตั้งอยู่บริเวณใกล้ๆ กัน ซึ่งทั้ง 2 เกาะนี้ก็อยู่ในหมู่เกาะรังเหมาะแก่การไปดำน้ำด้วยเช่นกัน

 

2. แก่งชมดาว จ.อุบลราชธานี

แก่งชมดาว ตั้งอยู่ที่ อ.นาตาล จ.อุบลราชธานี เป็นแก่งหินที่ถูกกัดเซาะโดยน้ำวนจนเกิดเป็นผาหินและแอ่งหลุมรูปทรงแปลกตา ซึ่งจะมีน้ำสีเขียวใสปรากฏให้เห็นอยู่ตลอด และไฮไลท์ที่สำคัญที่สุดของแก่งชมดาวแห่งนี้อยู่ที่ช่วงยามเช้าและช่วงโพล้เพล้ เพราะแสงจะสวยงามมากๆ โดยเฉพาะเดือนมกราคม – เดือนมิถุนายน แนะนำให้มาท่องเที่ยว

 

3. ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช

ลานสกา เป็นดินแดนที่ได้รับสมญานามว่ามี อากาศดีที่สุดในประเทศไทย โดยที่ลานสกานี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่น่าไปสัมผัสเป็นอย่างยิ่ง และจุดที่อากาศดีที่สุดของสานสกานั้นตั้งอยู่ ณ บริเวณหมู่บ้านคีรีวง และเป็นเรื่องน่าทึ่งอย่างมากสำหรับบริเวณนี้ เพราะปกติแล้วเกณฑ์มาตรฐานอากาศที่ดี ต้องมีสิ่งแปลกปลอมไม่เกิน 300 ไมครอนต่ออากาศ 1 ลูกบาศก์เมตร แต่ที่หมู่บ้านคีรีวง ลานสกา แห่งนี้กลับพบว่ามีสิ่งแปลกปลอมเพียง 9 ไมครอนต่ออากาศ 1 ลูกบาศก์เมตร เท่านั้นเอง ซึ่งมีอากาศที่บริสุทธิ์กว่ามาตรฐานถึง 100 เท่าเลยทีเดียว จึงได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวไปเยี่ยมชมและสูดอากาศที่ดีที่สุดของประเทศไทยอีกด้วย

 

4. ดอยเสมอดาว จ.น่าน

ดอยเสมอดาว นับว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่กางเต้นท์พักแรมยอดฮิตอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติศรีน่าน อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน ด้วยดอยเสมอดาวแห่งนี้เป็นจุดชมวิวที่มีพื้นที่เป็นลานกว้างตามสันเขา จึงทำให้เหมาะสำหรับการพักผ่อน นอนดูดาว และชมทะเลหมอกพร้อมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าเป็นอย่างมาก

 

5. เกาะไม้ท่อน จ.ภูเก็ต

เกาะสวรรค์เล็กๆ แห่งใหม่หลังจากที่ถูกปิดนานนับสิบปี เกาะไม้ท่อนแห่งนี้เป็นเกาะส่วนตัวที่แสนเงียบสงบ เหมาะแก่การมาพักผ่อน จนได้รับสมญานามว่า Honeymoon Private Island เหมาะสำหรับคู่รักอย่างยิ่ง ด้วยน้ำทะเลใสบริสุทธิ์ดั่งกระจก และความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติรอบๆ เกาะรวมไปถึงสัตว์น้ำนานาพันธุ์ใต้ผืนน้ำที่รอแหวกว่ายต้อนรับผู้มาเยือนเกาะแห่งนี้ รับรองได้ว่าใครที่ได้ไปสัมผัสแล้วจะติดใจจนไม่อยากบ้านกันเลย

 

6. น้ำตกถ้ำพระภูวัว จ.บึงกาฬ

น้ำตกถ้ำพระ หรือชื่อเต็มๆ ว่า น้ำตกถ้ำพระภูวัว ตั้งอยู่ระหว่างรอยต่อของอำเภอเซกา กับอำเภอบึงโขงหลง น้ำตกที่มีความสวยงดงามมากๆ น้ำที่ไหลลงมาตามชั้นหินสีเทาสลับกับสีน้ำตาลที่ลดหลั่นกันลงมาบริเวณลานกว้าง และความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติที่ยังคงอยู่ ซึ่งนักท่องเที่ยวนิยมมาเล่นน้ำกันเป็นจำนวน เพราะจากน้ำตกแห่งนี้มีด้วยกันถึง 3 ชั้นนั้นเอง โดยเฉพาะในชั้นที่ 2 จะมีลานกว้างไว้ชมดอกไม้ป่านานาพันธุ์ที่ผลิดอกออกช่ออย่าสวยสดงดงามต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกท่าน

 

7. ดอยเมี่ยง จ.แม่ฮ่องสอน

ดอยเมี่ยง แห่งเมืองปาย จ.แม่ฮ่องสอน เป็นดอยสูงประมาณ 1,600 เมตร ลักษณะภูมิประเทศเป็นป่าดิบชื้นและมีภูเขาสลับซับซ้อน อุดมสมบูรณ์ไปด้วยไม้นานาพันธุ์ เช่น ต้นพญาเสือโคร่ง ต้นมะค่า และต้นสน รวมไปถึงมีจุดชมวิวที่สวยงดงาม สามารถมองเห็นเมืองปายได้แบบ 360 องศา บวกกับมีอากาศที่หนาวเย็นตลอดทั้งปี จึงทำให้ดอยเมี่ยงแห่งนี้เป็นเสมือนสวรรค์แห่งใหม่ของเมืองปายไปโดยปริยาย และที่สำคัญดอยเมี่ยงยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง

 

เรียบเรียงโดย  www.hotelandresortthailand.com

 

สงกรานต์ปีนี้มีวันหยุดยาวหลายวัน หลายคนมีแพลนเที่ยว กลับเยี่ยมบ้าน แต่ก็อีกหลายคนยังนึกไม่ออกว่าจะทำอะไรดีในวันหยุด www.hotelandresortthailand.com ขอเสนอทริปเล่นน้ำสงกรานต์ทั้งจัดเบาและจัดหนักมาไว้ ณ ที่นี้ที่เดียว ที่ไหนเด็ด ที่ไหนน่าโดนเตรียมไปส่องกันเลยค่ะ

 

 

จังหวัดเชียงใหม่

วันที่ 12 เมษายน 2558 – 16 เมษายน 2558

เชียงใหม่เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีสงกรานต์คึกคักสนุกสนานที่สุด ที่นี่เขารวมใจกันเล่นสงกรานต์กันเกือบทั่วเมือง แต่ย่านคึกคักที่สุดเห็นจะเป็นย่านคูเมืองและประตูท่าแพ มีขบวนแห่ทางวัฒนธรรม ก่อกองทราง ขนทรายเข้าวัด สรงน้ำพระ เวทีดนตรี ปาร์ตี้โฟม และมีไฮไลท์เด็ดๆทุกปี นอกจากนี้เชียงใหม่ยังมีอะไรให้น่าดูชมอีกเยอะแยะสำหรับเทศกาลสงกรานต์ ไม่ว่าจะเป็นงานวัดที่มีพิธีกรรมแบบชาวเหนือ ชาวบ้านแต่งตัวแบบล้านนาไปวัดยามเช้า การตกแต่งประดับประดาซุ้ม และบ้านเรือนรับสงกรานต์ นับเป็นอีกภาพน่าประทับใจที่มีให้เห็นเพียงปีละครั้ง

 

 

 

จังหวัดเชียงราย

สงกรานต์เมืองเชียงแสน

วันที่ 13 เมษายน – 15 เมษายน 2558

ประเพณีสงกรานต์เมืองเชียงแสน เป็นการสืบสานวัฒนธรรมที่งดงามซึ่งมีเอกลักษณ์มาอย่างยาวนาน มีการรวบรวมถ่ายทอดการแสดงทางวัฒนธรรมของ 4 ชนชาติ อย่าง ไทย ลาว จีน และพม่า ผ่านการละเล่นแสดงวัฒนธรรมพื้นบ้านและขบวนแห่ นอกจากนี้ยังมีพิธีทรงน้ำพระพุทธเจ้าลานทอง มีการแข่งขันเรือยาวริมน้ำโขง เป็นอีกแห่งที่แสดงถึงความงดงามของประเพณีสงกรานต์ที่สืบทอดผ่านกันมาอย่างยาวนาน

 

 

 

จังหวัดกาญจนบุรี

วันที่ 13 เมษายน – 18 เมษายน 2558

สัมผัสกับประเพณีสงกรานต์อันงดงามของชาวมอญ ในช่วงเช้ามีการทำบุญใส่บาตร โดยจะเห็นภาพชาวมอญที่เดินทูนถาดอาหารไว้บนศีรษะเพื่อนำไปถวายพระ ช่วงเย็นชมการขนน้ำไปอาบน้ำให้พ่อแม่ และผู้สูงอายุที่ไปถือศีลอยู่ประจำที่วัด และการขนทรายใส่ถุง หรือภาชนะเทินไปบนศีรษะ เพื่อนำไปก่อพระเจดีย์ทรายที่ลานหน้าเจดีย์พุทธคยา โดยในวันสรงน้ำพระ ชมการสรงน้ำพระตามแบบประเพณีของชาวมอญ ซึ่งเป็นการสรงน้ำผ่านรางกระบอกไม้ไผ่ที่นำมามัดรวมต่อๆกัน  เมื่อถึงเวลาสรงน้ำพระในพิธี ชาวบ้านผู้ชายจะพร้อมใจกันนอนเรียงต่อ ๆ กันเป็นสะพานมนุษย์ เพื่อให้พระเถระเดินย่ำไปบนหลังจนถึงบริเวณที่นั่งสรงน้ำ และหลังจากสรงน้ำเสร็จ ชาวบ้านผู้ชายก็จะช่วยกันอุ้มพระไปส่งที่บันได สำหรับในช่วงเช้าวันที่ 18 เม.ย. ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของเทศกาลสงกรานต์ ยังมีพิธีแห่กองผ้าป่า และพิธียกฉัตรเจดีย์ทราย ความยาวนับกิโลเมตร ที่น่าตื่นตาตื่นใจให้ชมอีกด้วย

 

 

 

จังหวัดสมุทรปราการ

สงกรานต์พระประแดง

วันที่ 17 เมษายน – 19 เมษายน 2558

ประเพณีสงกรานต์พระประแดง หรือเดิมเรียกว่า “สงกรานต์ปากลัด” เป็นรูปแบบสงกรานต์ที่คงรักษาวัฒนธรรมของชาวรามัญ – ไทยที่สืบทอดกันมาแต่โบราณเอกลักษณ์ของสงกรานต์พระประแดงโดยเฉพาะในวันท้ายของสงกรานต์ (ถัดจากวันที่ ๑๓ เมษายน อีกหนึ่งอาทิตย์) ทุกหมู่บ้านจะรวมใจกันจัดขบวนแห่ที่มีความยิ่งใหญ่และความสวยงามตระการตาของขบวนแห่นางสงกรานต์ ขบวนรถบุปผาชาติ ขบวนสาวรามัญ–หนุ่มลอยชาย ที่ยังคงรักษาประเพณีเก่าๆ ไว้อย่างมั่นคงตลอดถึงเอกลักษณ์การแต่งกายด้วยชุดไทยรามัญ และชุดลอยชาย  เพื่อแห่นก – แห่ปลาไปทำพิธีปล่อยนก – ปล่อยปลา ณ พระอารามหลวงวัดโปรดเกศเชษฐาราม ซึ่งถือเป็นการสะเดาะเคราะห์ทำให้อายุยืน ยาว  เมื่อเสร็จสิ้นพิธีแล้วระหว่างเดินทางกลับบ้านก็จะมีหนุ่มในหมู่บ้านต่าง ๆ ออกมาเล่นสาดน้ำกับสาว ๆ ด้วยกิริยาท่าทีที่สุภาพรดแต่พองาม ซึ่งท่านผู้สนใจควรจะได้ไปชมด้วยตนเอง ซึ่งชาวพระประแดงได้รักษาประเพณีไว้โดยเคร่งครัดตลอดมา จนถึงทุกวันนี้

 

 

 

จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

วันที่ 13 เมษายน 2558 – 15 เมษายน 2558

ณ บริเวณอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา วิหารพระมงคลบพิตร และบริเวณโดยรอบ เกาะเมือง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

ร่วมเล่นน้ำสงกรานต์ในอุทยานประวัติศาสตร์ ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลก เป็นสงกรานต์แห่งเดียวในโลกที่นักท่องเที่ยวได้ร่วมเล่นน้ำร่วมกับช้าง (นักท่องเที่ยวสามารถมาเล่นน้ำกับช้าง ณ บริเวณด้านหน้าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานพระนครศรีอยุธยา)

 

 

 

จังหวัดภูเก็ต

หาดป่าตอง

วันที่ 13 เมษายน – 15 เมษายน 2558

แหล่งที่เล่นสงกรานต์คึกคักที่สุดเห็นจะเป็นหาดป่าตอง บริเวณถนนบางลาจะคึกคักเป็นพิเศษ เต็มไปด้วยชาวไทยและต่างชาติ ให้คุณได้สัมผัสบรรยากาศสนุกสนานท่ามกลางบรรยากาศชายหาดอันมีชีวิตชีวา

 

 

 

จังหวัดสุราษฎร์ธานี

สมุย งาน Samui Beach Songkran Festival 2015

สนุกสนานไปกับบรรยากาศสงกรานต์เลียบชาดหาดเฉวงที่คึกคักไม่แพ้ย่านอื่น ซึ่งปีนี้มีการปิดถนนให้ทุกคนสนุกไปกับเทศกาลสาดน้ำกันอย่างเต็มอิ่ม มีงานประเพณีแข่งขันชกมวยหญิงชิงแชมป์โลกอีกด้วย

 

 

 

จังหวัดชลบุรี

วันที่ 16 เมษายน 2558 – 17 เมษายน 2558

ประเพณีก่อพระทราย วันไหลบางแสน

งานประเพณีก่อพระทรายวันไหลบางแสน จังหวัดชลบุรี เป็นงานประเพณีที่ชาวตำบลแสนสุข ได้ถือปฏิบัติมาตั้งแต่สมัยโบราณ เดิมเรียกว่า งานทำบุญวันไหล คือ การที่สมาชิกในชุมชนของหมู่บ้านต่างๆ ได้มาทำบุญร่วมกันเนื่องในเทศกาลวันสงกรานต์หรือวันปีใหม่ของไทย แต่ในปัจจุบันการละเล่นและประเพณี  ดั้งเดิมบางอย่างเริ่มจะสูญหายไปเทศบาลเมืองแสนสุขจึงได้อนุรักษ์ส่งเสริมวัฒนธรรมประเพณี และการละเล่นพื้นบ้านอันดีงามไว้ให้คงอยู่และเป็นที่รู้จักแพร่หลาย

 

 

 

จังหวัดนครพนม

งานสงกรานต์สองฝั่งโขงสามแผ่นดิน

วันที่ 12 เมษายน – 15 เมษายน 2558

สงกรานต์รื่นรมย์บุญปีใหม่ไทย- ลาว ตามแบบวัฒนธรรม 7 ชนเผ่าของชาวนครพนม ที่ยังคงหลงเหลือกลิ่นอายของวัฒนธรรมท้องถิ่น เป็นการรักษารูปแบบของประเพณีที่แสดงเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของชาวนครพนม ร่วมตักบาตรข้าวเหนียววันปีใหม่ไทย กิจกรรมแข่งขันสะบ้าทอย พิธีตบปะทาย (ก่อเจดีย์ทราย) ไหว้พระธาตุประจำวันเกิด 7 วัน 8 พระธาตุ อิ่มอร่อยกับตลาดโบราณย้อนยุค และเล่นน้ำสงกรานต์ 7 ชนเผ่า พร้อมชมการแสดงวัฒนธรรม นอกจากนี้ที่ อำเภอเรณูนคร จะมีการฟ้อนรำผู้ไทที่มีความอ่อนช้อยงดงาม และความมีมนต์ขลังของพิธีบายศรีสู่ขวัญ ผูกข้อต่อแขน เพื่อต้อนรับแขกที่มาเยี่ยมเยือน รวมทั้งขบวนแห่นางสงกรานต์ที่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างยิ่งใหญ่งดงาม

 

กรุงเทพมหานคร

 

– RCA

วันที่ 11 เมษายน 2558 – 14 เมษายน 2558

เมืองหลวงแห่งนี้วุ่นวายตลอดปี แต่ทว่าสงกรานต์ทีไรเงียบเหงาทุกที ถนนโล่ง คนไม่เยอะ ไม่ต้องเบียดเสียด อยู่บ้านเดินห้างเบื่อกันแล้ว แนะนำไปเบียดเล่นน้ำให้ตัวเปียกได้ที่แหล่งรวมวัยรุ่นในกทม. พบกับความตื่นเต้นสนุกสนานของปาร์ตี้สงกรานต์ในย่านบันเทิงแห่งนี้ที่อาจกล่าวได้ว่ามันส์และสนุกสุดๆ ขนกันมาทั้งปาร์ตี้โฟม เสียงเพลงจากนักร้องหรือดีเจ เพิ่มเติมอีกนิดย่านนี้หากสนุกสุดๆต้องมาตอนกลางคืนหล่ะ

 

 

– สีลม

วันที่ 12 เมษายน 2558 – 14 เมษายน 2558

เช่นเดียวกับ RCA สีลมขึ้นชื่อในเรื่องความสนุกสนานปาร์ตี้สงกรานต์ ถนนสีลมจะเต็มไปด้วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เวทีนักร้องดีเจเปิดเพลงกระหึ่ม ซึ่งปีนี้มีข่าวว่าจะมีการสร้างมิติใหม่ให้กับถนนสีลมในการจัดเทศกาลสงกรานต์ จะเป็นอย่างไรใครชอบแนวนี้ตามไปดูกันได้เลย

 

 

– ข้าวสาร

วันที่ 13 เมษายน 2558 – 15 เมษายน 2558

สนุกสนานกันทุกปีที่ถนนข้าวสาร นับเป็นช่วงเวลาสนุกๆคลายร้อนของทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่บางคนมาเที่ยวไทยเพื่อเทศกาลสงกรานต์นี้โดยเฉพาะเลยทีเดียว

 

 

– ล่องเรือเที่ยววัดจัดกิจกรรมไหว้พระ

สำหรับคนไม่ชอบความวุ่นวาย รับสิริมงคลให้กับตัวเองในปีใหม่ไทยด้วยการล่องเรือไปตามแม่น้ำเจ้าพระยาไหว้พระ เริ่มที่ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร และสรงน้ำวัดพระแก้ว จากนั้นเดินเล่นหาของอร่อยๆกินแถวท่าพระจันทร์ รับรองฟินสุดๆ กับสงกรานต์เบาๆ อิ่มสุข อิ่มบุญ

 

 

เรียบเรียงโดย www.hotelandresortthailand.com

1. อ่าวมาหยา เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ ประเทศไทย

อ่าวมาหยาคือหนึ่งในชายหาดที่สวยติดอันดับโลก หาดนี้ทั้งงดงามและมีเสน่ห์ดึงดูด ด้วยลักษณะภูเขาหินปูนที่เกิดจากการพังทลายของหน้าผาที่โอบล้อม กลายเป็นแหว่งเป็นเวิ้งอ่าวขนาดเล็กรูปพระจันทร์เสี้ยวที่โอบล้อมด้วยเขาหินปูน น้ำทะเลใสและหาดทรายขาวละเอียด นับเป็นสวรรค์ของผู้มาเยือนโดยแท้ นอกจากนี้อ่าวมาหยายังเป็นสถานที่ถ่ายทำหนังฮอลลีวู้ดเรื่อง The Beach แสดงนำโดยพระเอกชื่อดังลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ เป็นฉากสมมติของทะเลที่สวยที่สุดในแถบทรอปิคอล

 

 

2. หาดนาวาจิโอ เกาะซาคีนโตส ประเทศกรีซ

หาดนาวาจิโอตั้งอยู่ในอ่าวเล็กๆบนเกาะซาคีนโตส ประเทศกรีซซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของหมู่เกาะไอโอเนียนล้อมรอบด้วยผาหินปูนสูงชัน หาดทรายขาวตัดกับน้ำทะเลสีฟ้าเจิดจ้า บนหาดมีซากเรือขนาดใหญ่ถูกทิ้งร้างไว้ขณะหลบหนีเจ้าหน้าที่ ครั้งหนึ่งหาดแห่งนี้เคยเป็นเส้นทางเดินเรือผิดกฎหมาย แต่ทุกวันนี้กลายเป็นหาดที่สวยที่สุดติดอันดับโลก และมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนเยี่ยมชมไม่ขาดสาย

 

 

3. โบรา โบรา ประเทศเฟรนซ์ โพลินีเซีย

เกาะในสวรรค์ในฝันของใครหลายคน โบรา โบร่า รายล้อมด้วยเกาะเล็กเกาะน้อยมากมายบนมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้ หมู่เกาะเล็กๆในดินแดนของฝรั่งเศสแห่งนี้ อยู่ในเขตพื้นที่ของเฟรนช์โปลินีเซีย ที่นี่คุณจะได้พบกับบรรยากาศริมทะเลแสนโรแมนติค ทั้งเงียบสงบและเป็นส่วนตัว พร้อมทิวทัศน์น้ำทะเลสีฟ้าใสมองเห็นสัตว์น้ำทะเลแหวกว่ายไปมา ทิวทัศน์ป่าไม้เขตร้อน ภูเขาไฟโอเตมานู และภูเขาไฟพาเฮีย บนเกาะมีที่พักรีสอร์ทหรูหรามากมาย เหมาะกับคู่รักฮันนีมูน หรือผู้รักกีฬาทางน้ำอย่างดำน้ำลึก ดำน้ำตื้น หรือกิจกรรมผจญภัยอย่างปีนเขา หรือพารามอเตอร์

 

 

4. หมู่เกาะมัลดีฟ ประเทศมัลดีฟ

อีกเกาะในฝันและคุ้นหูคุ้นตาชาวไทยเป็นอย่างดี มัลดีฟพร้อมให้คุณสัมผัสความประทับใจในความหลากหลายทางธรรมชาติ ทั้งทะเลแสนงามใสบริสุทธิ์ หาดทรายขาวสะอาด สัตว์น้ำหลากชนิด ปะการังอุดมสมบูรณ์ และพืชพันธุ์ธรรมชาติเขตร้อน นอกจากนี้บนเกาะมัลดีฟยังมีรีสอร์ทหรูหลายแห่งให้คุณได้ดื่มดำวันพักผ่อนแสนโรแมนติค กับวิลล่ากลางน้ำพร้อมกระโจนจากเฉลียงห้องพักสู่ความสดชื่นชุ่มฉ่ำจากน้ำทะเลสีฟ้าเจิดจ้า

 

 

5. ฮิดเดน บีช ประเทศเม็กซิโก

ฮิดเดน บีช นำคุณพบกับสรวงสวรรค์ของการพักผ่อนที่มีเพียงคุณ และธรรมชาติสวยงามแปลกตาบนหมู่เกาะมารีเอต้า (Marieta Islands) ในรัฐฮาลิสโก ประเทศเม็กซิโก ลืมความวุ่นวายจากโลกภายนอกไปชั่วขณะ ให้ซึมซับความงามของชายหาดที่เป็นเอกลักษณ์แห่งนี้ ความงดงามแปลกตาที่ธรรมชาติสรรสร้างทำให้ฮิดเดน บีชมีลักษณะคล้ายๆกับปล่องกว้างที่มีหาดทรายและน้ำทะเลสีฟ้าใสอยู่ด้านใน เหมาะแก่การนอนพักอาบแดด ว่ายน้ำ หรือดำน้ำเพื่อชมความลี้ลับในอุโมงค์ ฮิดเดน บีช เป็นเกาะที่เกิดขึ้นจากภูเขาไฟ มีธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ เนื่องจากเป็นแหล่งห้ามทำการประมง เป็นที่อยู่ของสัตว์ทะเลกว่าร้อยชนิด

 

 

6. มอสกิโต้ เบย์ หรืออ่าวยุง ประเทศเปอร์โตริโก้

ค้นพบความอัศจรรย์ของธรรมชาติ ที่มอสกิโต้ เบย์ อ่าวที่ตั้งอยู่ในชายฝั่งทะเลคาริบเบียน (Caribbean coast) ในประเทศเปอร์โตริโก (Puerto Rico) น้ำทะเลที่นี่เรืองแสงระยิบระยับยามค่ำคืนคล้ายหมู่ดาวรวงหล่นลงน้ำปรากฎแสงวิบวับทั่วทั้งหาด ปรากฎการณ์นี้เกิดจากแพลงตอนพืชและสัตว์ขนาดเล็กปลดปล่อยแสงที่ได้จากพลังงานแสงอาทิตย์ยามกลางวัน พอความมืดมาเยือนและน้ำมีการสั่นสะเทือนเคลื่อนไหวจึงเกิดแสงระยิบระยับทั่วชายหาด

 

 

7. Whitehaven, Whitsunday Islands, Australia

ชายหาดที่สวยที่สุดของออสเตรเลีย และอาจกล่าวได้ว่ามีหาดทรายที่ขาวและสะอาดที่สุดในโลก หาดไวท์เฮเวนนั้นเงียบสงบ ปราศจากที่พักและสิ่งรบกวนใดๆมีเพียงคุณกับธรรมชาติเท่านั้น นอกจากชายหาดที่ขาวสะอาด น้ำทะเลยังมีสีสวยงามสุดๆ ไล่ระดับหลากสีอย่างน่าอัศจรรย์ หาดไวท์เฮเว่นตั้งอยู่บนหมู่เกาะไวท์ซันเดย์ที่ห้อมล้อมด้วยป่าฝน ซึ่งอยู่บริเวณด้านชายฝั่งของรัฐควีนส์แลนด์

 

 

8. เกาะเมาวี ประเทศสหรัฐอเมริกา

เกาะเมาวีเป็นส่วนหนึ่งของรัฐฮาวาย ประเทศสหรัฐอเมริกา ใหญ่เป็นอันดับสองของหมู่เกาะฮาวายที่ตั้งอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก พบกับความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่ทั้งงดงามและแปลกตาบนเกาะเมาวี ที่นอกจากมีชายหาดที่สวยงามและเงียบสงบแล้ว บนเกาะแห่งนี้ยังมีความหลากหลายทางธรรมชาติ มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายที่พลาดไม่ได้หลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นภูเขาไฟ อุทยานแห่งชาติ น้ำตก และป่าไม้อันอุดมสมบูรณ์ให้เยี่ยมชม

9. หาดลา ดีก หมู่เกาะเซเชลล์

อีกจุดหมายปลายทางในฝันแสนโรแมนติคของคู่รักทั่วโลก หาดลา ดีก บนหมู่เกาะเซเชลล์ งดงามและมีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งที่เชื้อพระวงศ์อย่างเจ้าชายวิลเลี่ยมและเจ้าหญิงเคทเลือกให้มาฮันนีมูน รวมทั้งเป็นโลเกชั่นถ่ายทำหนังฮอลลีวู้ดหลายเรื่อง หาดทรายที่นี่ขาวละเอียด น้ำทะเลใสเห็นสัตว์น้ำแหวกว่าย มีโขดหินเรียงรายบนหาดเป็นเอกลักษณ์ นอกจากนี้ที่นี่ยังเงียบสงบ เหมาะกับการพักผ่อนใกล้ชิดธรรมชาติเป็นที่สุด

 

 

10. Gardner Bay, Espanola Island, Ecuador

อ่าวการ์ดเนอร์  (Gardner Bay) ตั้งอยู่บนชายฝั่งตะวันออกของเกาะเอสปันโนลา มีชายหาดที่สวยงามมาก เป็ฯแหล่งอาศัยของเหล่าสิงโตทะเลซึ่งชอบมานอนผึ่งแดดบนชายหาด บริเวณนี้จะสามารถดำน้ำตื้นชมเต่าทะเลและปลาฉลามได้

 

 

11. มิวชา เคย์ บาฮามาส

เกาะแห่งนี้เป็นเกาะส่วนตัว ซึ่งการันตีความเงียบสงบเป็นอย่างดี มิวชา เคย์มีชาดหายที่ขาวบริสุทธิ์ น้ำสีฟ้าใส ธรรมชาติบนเกาะยังอุดมสมบูรณ์ แต่ทว่าการเดินทางต้องบินโดยเครื่องบินส่วนตัว แถมมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก แลกมากับความเป็นส่วนตัวอย่างสูงสุด ธรรมชาติงดงาม และการต้อนรับอย่างหรูหรา จึงเป็นสถานที่ตากอากาศของคนดังระดับโลก

 

เรียบเรียงโดย  www.hotelandresortthailand.com

ข่าวดีสำหรับผู้ที่ชื่นชอบและรักทะเล เพราะตอนนี้ “เกาะไม้ท่อน” ถือว่าเป็นเกาะน้องใหม่มาแรงที่เปิดให้บริการตามเดิมแล้ว หลังจากที่ถูกปิดปรับปรุงเมื่อหลายปีก่อน

เกาะไม้ท่อน หรือ เกาะฮันนีมูน เป็นเกาะส่วนตัวเล็กๆ ฝั่งอันดามันตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะภูเก็ต ที่หลายคนต้องยกนิ้วให้กับความสวยงดงามและความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติพร้อมทั้งมีบรรยากาศที่เงียบสงบเหมาะแก่การเที่ยวพักผ่อนเป็นอย่างมาก แถมเกาะไม้ท่อนนี้ยังได้รับสมญานามว่าเป็น “มัลดีฟส์เมืองไทย” ด้วยหาดทรายสีขาวเม็ดละเอียดนุ่มเท้าดุลดั่งผงแป้งทอดยาวเคียงคู่กับน้ำทะเลสีฟ้าใสราวอย่างกระจก จนสามารถมองเห็นหมู่มวลปลาน้อยใหญ่แหวกว่ายไปมาได้อย่างชัดเจน อาทิเช่น ปลาการ์ตูน ปลานกแก้ว ปลาสิงโต รวมไปถึงแนวปะการังต่างๆ นานาที่รายล้อมรอบเกาะแห่งนี้ หรือหากวันใดโชคดีอาจจะได้เห็นโลมาโผล่ขึ้นมาเล่นคลื่นอีกด้วย อันเป็นสวรรค์เหมาะแก่การพักผ่อนเป็นอย่างมาก

เหตุที่เรียกว่า “เกาะไม้ท่อน” นั้นเพราะถ้าดูจากภาพถ่ายทางอากาศแล้ว เกาะแห่งนี้มีรูปร่างลักษณะเหมือนกับท่อนไม้ แต่จะให้เรียกว่า เกาะท่อนไม้เลยคงไม่ไพเราะ จึงมีการปรับเปลี่ยนชื่อใหม่ และก็ได้ชื่อที่ลงตัวว่า “เกาะไม้ท่อน” ซึ่งถือว่าเป็นเกาะส่วนตัวที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้ความนิยมไปพักผ่อนเป็นอย่างมาก รวมทั้งมกุฎราชกุมารจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังซุก หรือที่คนไทยรู้จักดีในพระนาม “เจ้าชายจิกมี” แห่งราชอาณาจักรภูฎาน หนึ่งในพระราชอาคันตุกะคนสำคัญของงานพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ก็ทรงเคยเสด็จฯ เยือนเกาะไม้ท่อนแห่งนี้เพื่อสำราญพระราชอิริยาบถในระหว่างที่พระองค์ทรงพำนักอยู่ในประเทศไทยด้วยเช่นกัน

 

สำหรับท่านใดที่สนใจอยากมาสัมผัสความสวยงดงามและความอุดมสมบูรณ์ของมัลดีฟส์เมืองไทยนั้น “เกาะไม้ท่อน” ถือว่าเป็นตัวเลือกหนึ่งที่ดีที่รอให้ทุกท่านได้มาสัมผัสกัน

 

 

เรียบเรียงโดย  www.hotelandresortthailand.com

จังหวัดนนทบุรี ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ติดกับกรุงเทพมหานคร เป็น 1 ใน 5 จังหวัดปริมณฑลที่มีความเจริญเทียบเท่ากับกรุงเทพมหานคร และเป็นจังหวัดขนาดเล็กที่มีผู้คนอาศัยอยู่หนาแน่นที่สุดอีกจังหวัดหนึ่งของประเทศไทย  แต่ท่ามกลางความเจริญเหล่านั้นของสังคมในยุคปัจจุบัน จังหวัดนนทบุรีกลับมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายแห่ง ด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ประเพณี และวิถีชีวิตแบบไทยดั้งเดิมและไทยผสมผสาน ทำให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสความงดงามมากมายอย่างคาดไม่ถึง ด้วยทำเลที่ตั้งของจังหวัดนี้อยู่ใกล้เมืองหลวง มีเส้นทางการคมนาคมทั้งทางบกและทางน้ำที่สะดวก ทำให้จังหวัดนนทบุรีในวันนี้กลายเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญอีกจังหวัดหนึ่งที่นักท่องเที่ยวไม่ควรมองข้าม

 

เกาะเกร็ด

เกาะเกร็ด เป็นเกาะเล็กๆ ที่ตั้งอยู่กลางแม่น้ำเจ้าพระยา ตำบลเกาะเกร็ด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เป็นสถานที่ท่องเที่ยวใกล้กรุงเทพฯ มีทั้งการนั่งเรือชมตลาดน้ำ ชมวิถีชีวิตชาวมอญ ชมบรรยากาศธรรมชาติ และนักท่องเที่ยวสามารถเลือกชิม เลือกช็อปอาหารทั้งของคาวและของหวานอร่อยๆ มากมายที่ชาวเกาะเกร็ดนำมาจัดจำหน่าย รวมถึงการท่องเที่ยวทำบุญตามวัดต่างๆ จากความหลากหลายของเกาะเกร็ด ทำให้เกาะเกร็ดเป็นสถานที่ท่องเทียวที่ได้รับความนิยมอย่างมากในขณะนี้

 

วัดเฉลิมพระเกียรติวรวิหาร

วัดเฉลิมพระเกียรติวรวิหาร เป็นวัดสำคัญคู่บ้านคู่เมืองร่วม 135 ปีแล้ว ตั้งอยู่ริมฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดวรวิหาร โดยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 โปรดให้สร้างขึ้น เพื่อถวายพระอัยกา พระอัยกี และสมเด็จพระราชชนนี  ณ บริเวณป้อมเก่า (ป้อมทับทิมสมัยกรุงศรีอยุธยา) ภายในวัดเฉลิมพระเกียรติวรวิหาร มีอุโบสถที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบไทยปนจีน รวมถึงภาพเขียนฝาผนังอันสวยงดงามมากมาย ส่วนด้านในประดิษฐาน พระประธานปางมารวิชัย หล่อด้วยทองแดง ปัจจุบันวัดเฉลิมพระเกียรติวรวิหารแห่งนี้เป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับถ่ายละครย้อนยุคหลายๆ เรื่องอีกด้วย

 

วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์

วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ หรือ วัดเล่งเน่ยยี่ 2 เป็นวัดจีน มีพื้นที่ 12 ไร่ ซึ่งคนไทยเชื้อสายจีน หรือคนไทยทั่วไป ส่วนใหญ่จะเดินทางไปไหว้เทพเจ้าไท้ส่วยเอี๊ย ที่ศาลเจ้าเล่งเน่ยยี่ มังกรกมลาวาส (ทำบุญแก้ชง) ทำบุญเสริมโชคลาภเทียนถวายพุทธบูชา เพื่อให้ชีวิตมีความเจริญรุ่งเรือง พร้อมด้วยเครื่องสักการะต่างๆ แด่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระรัตนตรัย พระโพธิสัตว์ พร้อมด้วยเทพธรรมบาล และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกๆ พระองค์คุ้มครองให้พ้นภัย

 

วัดเขมาภิรตารามราชวรวิหาร

วัดเขมาภิรตารามราชวรวิหาร เป็นวัดอารามหลวงชั้นโท ชนิดราชวรวิหาร ตั้งอยู่บนฝั่งด้านตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยาในเขตตำบลสวนใหญ่ ด้านหน้าของวัดติดริมฝั่งแม่น้ำ ส่วนด้านหลังติดถนนพิบูลสงคราม ภายในวัดมีพระมหาเจดีย์ สูง 30 เมตร  ตั้งอยู่ด้านหลังของโบสถ์ บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พระประธานเป็นพระพุทธรูปหล่อเก่าแก่  ศิลปะสมัยอยุธยาอัญเชิญมาจากพระราชวังจันทร์เกษม  ภายในวัดมีพระตำหนักแดงและพระที่นั่งมณเฑียรตั้งอยู่ด้วย

 

พิพิธภัณฑ์จังหวัดนนทบุรี

พิพิธภัณฑ์จังหวัดนนทบุรี ตั้งอยู่ใกล้กับท่าน้ำนนท์ เดิมเป็นที่ตั้งของศาลากลางจังหวัดนนทบุรีหลังเก่า ซึ่งเป็นเรือนไม้สักที่มีสถาปัตยกรรมที่งดงามและมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่ยาวนานของจังหวัดนนทบุรี สร้างในสมัยรัชกาลที่ 6 ปัจจุบันได้ถูกปรับปรุงให้เป็น “พิพิธภัณฑ์จังหวัดนนทบุรี” ซึ่งเป็นแหล่งรวบรวม เก็บรักษา และจัดแสดงหลักฐานทางประวัติศาสตร์มากมาย ตลอดจนมรดกทางวัฒนธรรมและภูมิปัญญาอันทรงคุณค่าของชาวนนทบุรี เพื่อเรียบรู้ สืบทอด และอนุรักษ์ให้ยั่งยืนสืบไป

 

พิพิธภัณฑ์เขาสัตว์

พิพิธภัณฑ์เขาสัตว์ เป็นพิพิธภัณฑ์เอกชนที่รวบรวมเขาสัตว์และวัตถุโบราณจำนวนมาก โดยภายในจัดแสดงเขาสัตว์และวัตถุโบราณนับแสนชิ้น มีอายุตั้งแต่ 100 ปีถึง 16 ล้านปี โดยเฉพาะเขาสัตว์ทุกชนิดที่มีในประเทศไทยและต่างประเทศ และส่วนหัวกะโหลกทุกชนิดทั้งสัตว์กินพืชและสัตว์กินเนื้อ อาทิเช่น งาช้างแมมมอธ เขาเนื้อสมัน เขาวัวกูปรี รวมทั้งวัตถุโบราณของไทยมากกว่า 30,000 ชิ้น

 

อุทยานเฉลิมกาญจนาภิเษก

อุทยานเฉลิมกาญจนาภิเษก ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาติดกับวัดเฉลิมพระกียรติวรวิหาร มีเนื้อที่ประมาณ 100 ไร่ บรรยากาศภายในอุทยานร่มรื่น มีต้นไม้น้อยใหญ่ปกคลุมให้ความร่มเย็น เหมาะแก่การมาพักผ่อน ออกกำลังกายเพื่อสุขภาพเป็นอย่างยิ่ง

 

ถนนสายดอกไม้

ถนนสายดอกไม้ อำเภอบางใหญ่มีการส่งเสริมการปลูกดอกไม้ประดับ จนทำให้ถนนกาญจนาภิเษกที่อยู่ในพื้นที่อำเภอบางใหญ่ ได้ชื่อว่าเป็น “ถนนสายดอกไม้” เนื่องจากทั้งสองข้างทางมีเหล่าพืชพันธุ์ไม้นานาชนิด บานสะพรั่งด้วยสีสันเสมือนหนึ่งเชิญชวนผู้พบเห็น ให้แวะชื่นชมและเลือกซื้อกลับบ้าน

 

ตลาดน้ำไทรน้อย

ตลาดน้ำไทรน้อย ตั้งอยู่ริมคลองพระพิมลราชาเป็นศูนย์รวมของอาหารคาวหวาน พืชผัก ผลไม้ หลากหลายชนิดที่ชาวบ้านนำมาจำหน่ายริมฝั่งคลอง มีรสชาติอร่อย สะอาด ถูกหลักอนามัยและราคาเป็นกันเอง สามารถเลือกซื้อเลือกหาตามต้องการ นอกจากนี้สามารถชมทัศนียภาพและวิถีชีวิตของชาวเมืองนนทบุรีที่อาศัยอยู่ตามริมฝั่งคลอง ที่ยังคงสภาพความเป็นธรรมชาติและความเป็นไทยอยู่ ตลาดน้ำไทรน้อยเปิดเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 08.00 – 17.00 น.

 

ตลาดน้ำวัดแสงสิริธรรม

ตลาดน้ำวัดแสงสิริธรรม  ตั้งอยู่ที่ถนนรัตนาธิเบศน์ – ตลาดท่าอิฐ เป็นโครงการส่งเสริมให้ผู้ผลิตสินค้ารอบบริเวณวัดและเกาะเกร็ดได้มีโอกาสนำสินค้ามาจัดแสดงและจำหน่าย ซึ่งที่นี่นับเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของนักท่องเที่ยว โดยตลาดน้ำวัดแสงสิริธรรม เปิดทุกวันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดราชการ ระหว่างเวลา 06.00-17.00 น.

 

ตลาดน้ำวัดตะเคียน

ตลาดน้ำวัดตะเคียน เป็นตลาดน้ำขนาดเล็ก ที่ตั้งอยู่ในวัดตะเคียน โดยที่ตลาดน้ำแห่งนี้เกิดจากการรวมตัวของชาวบ้านที่ปลูกผักไว้รับประทานเองแล้วนำมาจัดจำหน่าย ปัจจุบันได้รับความนิยมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติและสัมผัสวิถีชีวิตชุมชนริมคลอง

 

 

หากนักท่องเที่ยวท่านใดสนใจจังหวัดที่มีพื้นที่เล็กๆ ใกล้กรุงเทพมหานคร แต่เต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ วิถีชีวิต และสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญนั้น จังหวัดนนทบุรีจึงเป็นตัวเลือกหนึ่งที่ต้องเดินทางมาสัมผัสด้วยตนเองให้ได้

 

เรียบเรียงโดย  www.hotelandresortthailand.com

1. เกาะไม้ท่อน

หรือ “เกาะฮันนีมูน” เป็นเกาะส่วนตัวเล็กๆ ที่มีลักษณะคล้ายกับท่อนไม้ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะภูเก็ต  ที่หลายคนต้องยกนิ้วให้กับความสวยงดงามและความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติพร้อมกับมีบรรยากาศสุดเงียบสงบเหมาะแก่การเที่ยวพักผ่อนเป็นอย่างมาก แถมยังมีสมญานามว่าเป็น “มัลดีฟส์เมืองไทย” ด้วยหาดทรายสีขาวทอดยาวเคียงคู่กับน้ำทะเลสีฟ้าใส จนสามารถมองเห็นหมู่มวลปลาน้อยใหญ่แหวกว่ายไปมาได้อย่างชัดเจน อาทิเช่น ปลาการ์ตูน ปลานกแก้ว ปลาสิงโต ไปจนถึงแนวปะการังต่างๆ นานาที่รายล้อมรอบเกาะ หรือหากวันใดโชคดีอาจจะได้เห็นโลมาโผล่ขึ้นมาเล่นคลื่นอีกด้วย

 

2. เกาะตาชัย

ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน ไม่ไกลจากหมู่เกาะสุรินทร์ ถูกค้นพบครั้งแรกโดยผู้ชายชื่อ “ตาชัย” จึงเป็นที่มาขอชื่อเกาะนี้ ปัจจุบันได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นเกาะน้องใหม่ที่สวยที่สุดแห่งท้องทะเลอันดามัน จุดเด่นที่นักท่องเที่ยวต้องมาสัมผัสคือ หาดทรายสีขาวเม็ดละเอียดนุ่มเท้าดุลดั่งผงแป้งทอดยาวกว่า 700 เมตร ประกอบกับน้ำทะเลสีฟ้าใสราวอย่างกระจก อันเป็นสวรรค์ของนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก อีกทั้งเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์หายากหลายชนิดโดยเฉพาะ ปูไก่ เป็นปูน้ำจืดหายากชอบอาศัยอยู่ตามธารน้ำ ลำตัวสีแดงสดตัดกับก้ามสีดำเหลือบน้ำเงินเวลาร้องจะมีเสียงคล้ายไก่อาศัยอยู่มากบนเกาะแห่งนี้ ตลอดจนความอุดมสมบูรณ์ของปะการังและสัตว์น้ำต่างๆ จึงเป็นจุดดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเลือกมาดำน้ำอันสวยสดงดงามของที่นี่

 

3. เกาะเต่า

“เกาะสวรรค์กลางทะเลอ่าวไทย” ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะพะงัน มีลักษณะคล้ายเต่า หรือบ้างก็ว่ามีลักษณะโค้งเว้าคล้ายเมล็ดถั่วแล้วแต่จินตนาการ นอกจากนี้เป็นเกาะที่ได้รับการโหวตจากเทรเวลเลอร์ ช้อยส์ เอเชีย 2013 (Treveler’s Choice Asia 2013) ว่าเป็นจุดดำน้ำที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกรองจากออสเตรเลีย นับว่าเป็นแหล่งดำน้ำที่สวยงามและมีชื่อเสียงระดับหนึ่งในเรื่องของความงดงามและสีสันโลกใต้ท้องทะเล รวมไปถึงความงดงามบนหาดทรายสีขาวละเอียดตัดกับท้องทะเลสีฟ้าใสและธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์  จนทำให้นักดำน้ำทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติต้องหลงมนตร์เสน่ห์และแวะมาเยี่ยมเยือนไม่ขาดสาย

 

4. เกาะพีพี

ตั้งอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา – หมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ เป็นหมู่เกาะกลางทะเลอันดามัน ประกอบไปด้วย 2 เกาะใหญ่ คือ เกาะพีพีดอนและเกาะพีพีเล ด้วยความงดงามทางธรรมชาติของเกาะพีพีที่โอบล้อมด้วยน้ำทะเลสีเขียวมรกตใส  หาดทรายสีขาวละเอียด และภูเขาหินปูน รวมถึงเป็นจุดดำน้ำลึกและน้ำตื้นเพื่อชมหมู่มวลปลาสวยงามและปะการังนานาพันธุ์  จนทำให้เกาะพีพีเคยติดอันดับที่ 1 จาก 10 ของเกาะที่สวยที่สุดในโลก จนได้รับสมญานามว่าเป็น “มรกตแห่งอันดามัน” จึงไม่แปลกที่มีนักท่องเที่ยวจากทุกมุนโลกให้ความสนใจและเดินทางมาสัมผัสความงดงามด้วยตนเอง

 

5. เกาะหลีเป๊ะ

เป็นเกาะเล็กๆ อยู่ในอาณาเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา จังหวัดสตูล จุดเด่นของเกาะหลีเป๊ะ คือ น้ำทะเลใส หาดทรายขาวละเอียด ปะการังหลากสีสัน สัตว์น้ำหลากชนิด และเวิ้งอ่าวที่สวยงาม เพียงแค่ก้าวขาเดินลงไปนะทะเลไม่กี่ก้าวจะสามารถเห็นหมู่มวลฝูงปลาว่ายวนเวียนไปมาอยู่รอบๆ จึงทำให้เกาะหลีเป๊ะได้รับขนาดนานว่าเป็น “มัลดีฟส์เมืองไทย” อีกแห่งหนึ่ง ด้วยความงดงามทางธรรมชาติทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวและพักผ่อนอย่างต่อเนื่อง

 

6. เกาะกูด

เกาะสุดท้ายปลายทะเลตะวันออกจังหวัดตราดของประเทศไทย ติดชายแดนทางทะเลของกัมพูชา ที่เงียบสงบเหมาะแก่การพักผ่อนที่ต้องการใกล้ชิดกับธรรมชาติ และด้วยความเป็นเกาะที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของประเทศทำให้เกาะแห่งนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ทางด้านทรัพยากรธรรมชาติ และความสวยงาม โดยมีภูเขาและที่ราบสันเขาเป็นต้นกำเนิดลำธาร และน้ำตกที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง อีกทั้งยังมีชายหาดสะอาด น้ำทะเลสีฟ้าใส ร่มรื่นด้วยทิวต้นมะพร้าวริมหาด รวมถึงระบบนิเวศใต้ท้องทะเลและป่าชายเลนที่สมบูรณ์ จนได้รับสมญานามว่า “อันดามันแห่งทะเลตะวันออก” ด้วยความเรียบง่ายของวิถีชีวิตบนเกาะทำให้กลายเป็นเสน่ห์น่าดึงดูดแก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ

 

7. เกาะกระดาน

ตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกของเกาะมุกและเกาะลิบง ขึ้นชื่อว่าเป็น “เกาะที่สวยที่สุดและมีชายหาดสวยที่สุดในทะเลตรัง” ความโดดเด่นของเกาะกระดานคือ มีชายหาดขาวละเอียดสะอาดตาตัดกับสีฟ้าน้ำทะเลใสดุจดั่งกระจกจนสามารถมองเห็นฝูงปลานานาพันธุ์ที่แหวกว่ายและแนวปะการังที่ทอดยาวจากชายหาดด้านเหนือถึงชายฝั่งอย่างรื่นรมย์

 

8. เกาะสิมิลัน

เกาะที่ใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะสิมิลัน หรือเรียกอีกชื่อว่า “เกาะแปด” ระดับน้ำรอบเกาะค่อนข้างลึก โดยเฉลี่ยประมาณ 100 – 120 ฟุต ใต้ท้องทะเลค่อนข้างสมบูรณ์ไปด้วยปะการัง กัลปังหา กุ้งมังกร รวมถึงปลานานาประเภทหลากหลายสีสัน ส่วนทางด้านทิศตะวันตกของเกาะจะมีอ่าวเล็กๆ ซึ่งบริเวณอ่าวเกาะสิมิลันจะมีรูปโค้งเหมือนเกือกม้า และมีระดับน้ำที่ลึก ส่วนใต้ท้องทะเลอุดมสมบูรณ์ไปด้วยแนวปากะรังและหมู่ปลาน้อยใหญ่มากมาย  เหมาะแก่การดำน้ำชมปลาและปะการังเป็นอย่างมาก

 

9. เกาะตะรุเตา

ในอดีตเกาะนี้ใช้เป็นที่คุมขังและฝึกอาชีพสำหรับนักโทษ แต่ปัจจุบันได้ขึ้นทะเบียนเป็นอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตาในเขตจังหวัดสตูล จึงกลายเป็นสวรรค์ของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติไปโดยปริยาย และแหล่งท่องเที่ยวทางน้ำที่สวยงามอีกแห่งหนึ่ง จุดเด่นของเกาะตะรุเตาคือ มีผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์และเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า สัตว์ทะเลนานาพันธุ์ และปะการังหลากสีสัน เรียกความสนใจจากนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี

 

10. เกาะเสม็ด

เกาะขนาดเล็กตั้งอยู่บริเวณอ่าวไทย ในเขตจังหวัดระยอง ด้วยพื้นที่ 3,125 ไร่ เป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางของคนรักทะเลจุดเด่นของเกาะเสม็ดนี้คือ ชายหาดทอดยาวเคียงคู่กับเม็ดทรายสีขาวละเอียด และน้ำทะเลใสที่กระทบผ่านโขดหินทอดตัวสลับกับชายหาด เป็นอีกหนึ่งความสวยงามที่ได้มาสัมผัสแล้วรู้สึกประทับใจไม่รู้ลืม

 

เรียบเรียงโดย  www.hotelandresortthailand.com

1. ตลาดน้ำขวัญเรียม

ตลาดน้ำแห่งนี้ตั้งอยู่ริมคลองแสนแสบ บริเวณท่าเรือวัดบำเพ็ญเหนือ และวัดบางเพ็งใต้ โดยตลาดแห่งนี้เกิดขึ้นจากคนรุ่นใหม่ที่ต้องการย้อนวิถีชีวิตและจำนองเหตุการณ์ของผู้คนริมคลองแสนแสบ อาทิเช่น การตักบาตรทางน้ำ การแสดงการละเล่นของไทย การล่องเรือชมชุมชน รวมถึงสามารถเลือกลิ้มลองอาหารรสอร่อยและสินค้ามากมายได้จากตลาดน้ำแห่งนี้อีกด้วย

 

 2. ตลาดน้ำอัมพวา

เป็นตลาดน้ำที่ได้รับความนิยมมากที่สุดอีกตลาดหนึ่ง และยังเป็นตลาดน้ำที่เก่าแก่ที่สุดในจังหวัดสมุทรสงคราม ที่มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติแวะเวียนมากันไม่ขาดสาย นักท่องเที่ยวทุกท่านสามารถเลือกซื้ออาหาร ของฝาก และสิ่งของต่างๆ ได้ทั้งแบบที่พายเรืออยู่ในลำคลอง หรือร้านค้าบนฝั่งก็ได้ และจุดเด่นที่สำคัญหริอเป็นไฮไลท์หลักคือ ที่พักแบบโฮมสเตย์ที่นักท่องเที่ยวสามารถเข้าพักและเรียนรู้วิถีชีวิตร่วมกับเจ้าของบ้านได้อีกด้วย และยังสามารถล่องเรือชมหิ่งห้อยในยามค่ำคืนได้

 

3. ตลาดน้ำทุ่งบัวชม

ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ยิ่งใหญ่แห่งหนึ่งบนเนื้อที่ 18 ไร่ ด้วยการผสมผสานระหว่างแนวคิดสมัยเก่าย้อนยุคกับแนวคิดร่วมสมัยที่ถูกถ่ายทอดผ่านตลาดน้ำแห่งนี้ แถมยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นความภาคภูมิใจของชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพราะที่นี่ได้รวมสินค้าที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่หลากหลายให้เลือกชมและซื้อหากันเป็นจำนวนมาก ซึ่งตลาดน้ำแห่งนี้ถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ทั้งด้านวิถีชีวิต ศิลปะ และวัฒนธรรม

 

4. ตลาดน้ำอโยธยา

ตลาดน้ำที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทยที่ใหญ่ที่สุดในระดับจังหวัดอีกด้วย ทั้งด้านบรรยากาศภายในตลาดน้ำนั้นถูกโอบล้อมด้วยลำน้ำ และความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของพ่อค้าแม่ค้าที่แต่งกายแบบย้อนยุคคอยต้อนรับนักท่องเที่ยว และสะท้อนวิถีชีวิตความเป็นอยู่ในอดีตผ่านเมนูอาหาร และสินค้าต่างๆ ที่ถูกคัดสรรเป็นอย่างดี นับได้ว่าตลาดน้ำอโยธยาเป็นศูนย์รวมของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติได้ชมทัศนียภาพอันงดงามที่เป็นเอกลักษณ์ของคนไทยผ่านตลาดแห่งนี้

 

5. ตลาดน้ำกลางดง

เป็นตลาดน้ำที่ตั้งอยู่ท่ามกลางขุนเขา และสายน้ำ ที่รวมงานศิลป์สุดอาร์ตของบรรดาศิลปินต่างๆ โดยจำลองบรรยากาศตลาดน้ำไว้กลางดงให้เลือกชม เลือกชิม และเลือกช็อปกันอย่างเพลิดเพลินจรรโลงใจ ทั้งร้านอาหารบนริมฝั่งและร้านอาหารบนเรือจากพ่อค้าแม่ค้า

 

6. ตลาดน้ำสี่ภาค พัทยา

เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ด้านศิลปวัฒนธรรม และวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวไทยที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งถูกรวบรวมด้วยความหลากหลายของคนไทยทั้ง 4 ภาคไว้ด้วยกัน จึงถือได้ว่าตลาดน้ำสี่ภาค พัทยา นี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งที่ได้รับความสนใจและความนิยมเป็นอย่างมาก ตลาดน้ำสี่ภาค เป็นการให้นักท่องเที่ยวสัมผัสกับความเป็นไทย ด้วยการจำลองวิถีชีวิตความเป็นอยู่ผ่านสายน้ำที่คนไทยผูกพันและคุ้นเคย รวมถึงเป็นการแสดงถึงภูมิปัญญาชาวบ้านในแต่ละภาคของประเทศไทยที่นำเอาของดีของเด่นมาผสมผสานไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว

 

7. ตลาดน้ำหัวหินสามพันนาม

เป็นตลาดน้ำที่ถูกตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์หัวหินบรรยากาศรัตนโกสินทร์ย้อนยุคสมัยรัชกาลที่ 6 ด้วยพื้นที่กว่า 100 ไร่ จำนวนร้านค้าทั้งหมด 193 ร้าน และเรือขายสินค้า 40 ลำ ที่ถูกตกแต่งในโทนสีขาวและสีแดง คล้ายๆ สถานีรถไฟหัวหินที่มีชื่อเสียงโดดดัง อีกทั้งตลาดแห่งนี้ถูกโอบล้อมด้วยขุนเขาและแหล่งน้ำธรรมชาติอย่าง ลำห้วยสามพันนาม จึงทำให้นักท่องเที่ยวที่ได้มาเยือนสัมผัสได้ถึงบรรยากาศเย็นสบาย ร่มรื่น และเป็นธรรมชาติที่ไม่ต้องปรุงแต่ง แถมยังมีการแสดงโชว์แสง สี เสียง ตระการตาให้ได้รับชมทุกวัน

 

 

8. ตลาดน้ำคลองแห

เป็นตลาดน้ำเชิงวัฒนธรรมแห่งแรกและแห่งเดียวของภาคใต้ ที่ถูกผสมผสานระหว่างตลาดจำหน่ายสินค้าในเรือและตลาดโบราณที่เน้นการฟื้นฟูคลองแห ลำคลองเล็กๆ ให้กลับมาสะอาดและกว้างขวางอีกครั้ง ด้วยรูปแบบของตลาดน้ำ และการใช้วัสดุจากธรรมชาติบรรจุสินค้า อาทิเช่น การใช้กระทงใบตองหรือกะลามะพร้าวเป็นภาชนะใส่อาหาร การใช้กระบอกไม้ไผ่บรรจุน้ำ เป็นต้น และยังสามารถเพลิดเพลินไปอาหารคาวหวาน อาหารพื้นบ้าน ขนมไทย และขนมพื้นบ้านของภาคใต้ได้ที่ตลาดน้ำแห่งนี้

 

9. ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง

ตลาดแห่งนี้ถูกจัดตั้งขึ้นจากความร่วมมือระหว่าง องค์การบริหารส่วนตำบลบางน้ำผึ้ง และคนในชุมชน เพื่อแก้ไขปัญหาภาวะผลผลิตล้นตลาด โดยการนำผลผลิตเหล่านั้นมาขายสู่ท้องตลาดในราคาที่ย่อมเยาว์ ซึ่งตลาดน้ำบางน้ำผึ้งนี้สามารถสร้างรายได้และสร้างงานให้กับคนในชุมชนได้เป็นอย่างดี  โดยนักท่องเที่ยวที่ได้เดินทางมานั้นจะได้เพลิดเพลินและสนุกสนานกับการชมและชิมพืชผักผลไม้ทั้งสองฝั่งคลอง รวมถึงสามารถเลือกซื้อสินค้าที่มีคุณภาพจากคนในชุมชนได้อีกด้วย

 

10. ตลาดน้ำดอนหวาย

ตั้งอยู่ริมแม่น้ำท่าจีน หลังวัดดอนหวาย จังหวัดนครปฐม เป็นตลาดที่ยังคงสภาพหลังเหลือตลาดเก่าในอดีตสมันรัชกาลที่ 6 อยู่ โดยตลาดแห่งนี้มีลักษณะเป็นตัวอาคารไม้เก่า ที่อยู่ติดริมแม่น้ำ มีพ่อค้าแม่ค้านำสินค้าและผลผลิตมาจำหน่ายมากมายให้นักท่องเที่ยวได้เลือกสรรตามความต้องการ นอกจากนี้บริเวณวัดดอยหวายยังมีตลาดนัดสินค้าทางการเกษตรจำหน่ายทุกวันอีกด้วย

 

เรียบเรียงโดย www.hotelandresortthailand.com