สวรรค์ของนักท่องเที่ยว “เกาะกูด” จ.ตราด

koh kood

เกาะกูด เกาะใหญ่เป็นอันดับสองของจังหวัดตราด ด้วยหาดทรายยาวสีขาวละเอียดทอดยาว น้ำทะเลใสมองเห็นปลาแหวกว่าย เหมาะแก่การเล่นน้ำ นับเป็นสวรรค์ของผู้ที่ชื่นชอบท่องเที่ยวและพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ โดยมี ภูเขาและที่ราบสันเขา ซึ่งเป็นต้นกำเนิด สายน้ำ ลำธาร ทำให้เกาะกูดมีน้ำตกหลายแห่ง นอกจากนี้ บนเกาะกูดยังมีสถานที่ท่องเที่ยว ที่เป็นหาดทราย และทะเลน้ำใสมากมาย ที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางไปพักผ่อน ทั้งยังมี ป่าชายเลนที่สมบูรณ์ และแนวปะการังนานาชนิด

สถานที่น่าสนใจบนเกาะกูด

  • อ่าวกล้วย หาดทรายขาวละเอียด
  • อ่าวยายเกิด เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงาม เป็นจุดชมนกชนิดต่างๆ ของเกาะกูด
  • อ่าวตะเภา เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งบนเกาะกูด
  • อ่าวสลัด เป็นชุมชนชาวประมงขนาดใหญ่แห่งหนึ่งของเกาะ เป็นต้น
  • น้ำตกคลองเจ้า น้ำตกขนาดเล็กบนเกาะ

พลาดไม่ได้กับการดำน้ำตื้น

อำเภอเกาะกูดประกอบด้วยเกาะใหญ่น้อยรวม 24 เกาะ ซื่งเหมาะกับการดำน้ำอย่างยิ่ง โดยแบ่งเป็น 3 หมู่เกาะ หมู่เกาะกูด มี 3 เกาะ ได้แก่ เกาะกูด เกาะแรด และเกาะไม้ชี้ หมู่เกาะหมาก มี 9 เกาะ ได้แก่ เกาะหมาก เกาะระยั้งใน เกาะระยั้งนอก เกาะผี เกาะขาม เกาะกระดาด เกาะนก เกาะนอก และเกาะใน หมู่เกาะรัง มี 12 เกาะ ได้แก่ เกาะรังใหญ่ เกาะรังเล็ก เกาะตุ๊น เกาะกระ เกาะเทียน เกาะทองหลาง เกาะมะปริง เกาะยักษ์ เกาะกำปั่น เกาะใหญ่ เกาะกลาง

การเดินทาง

เรือไม้
          • เที่ยวไป เรือออกจากท่าเรือด่านเก่า เวลา 10.00 น. ถึงเกาะกูด ท่าเรือสะพานน้ำลึก เวลา 14.00 น.
• เที่ยวกลับ เรือออกจากเกาะกูดไปท่าเรือด่านเก่า เวลา 10.00 น.
• อัตราค่าโดยสารคนละ 200 บาท
• สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 08-9069-1031, 08-9096-9005

เรือเร็ว
          • เที่ยวไป มีเรืออ อกจากท่าเรือแหลมศอกไปเกาะกูด (เรือจอดที่ท่าเรือบางเบ้า) ทุกวัน วันละ 1 เที่ยว เวลา 13.00 น. เที่ยวกลับ เรือออกจากเกาะกูดไปท่าเรือแหลมศอก เวลา 10.00 น.
• อัตราค่าโดยสารคนละ 550 บาท
• สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 08-6126-7860
เรือเฟอร์รี่
          • เที่ยวไป มีเรือออกจากท่าเรือด่านเก่า (ท่าโชคสาคร) วันละ 1 เที่ยว เวลา 8.00 – 10.30 น.
• เที่ยวกลับ มีเรือออกจากเกาะกูด เวลา 11.00 น.
• อัตราค่าโดยสารคนละ 400 บาท
• สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 08-6126-7860

นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวสามารถใช้บริการเรือโดยสารของบริษัท เกาะกูด ซีทรานส์ จำกัด โทร. 0-3959-7646, 08-1444-9259 อัตราค่าโดยสารไป – กลับ คนละ 700 บาท ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที มีเรือออกจากท่าเรือแหลมงอบ (ท่าเทียบเรือกระโจมไฟ) วันอังคาร วันศุกร์ และวันเสาร์ เวลา 09.00 น. ถึงเกาะกูดเวลา 11.30 น.

เรียบเรียงโดย www.HotelAndResortThailand.com

พระมหาเจดีย์ชัยมงคล จังหวัดร้อยเอ็ด

ร้อยเอ็ด

พระมหาเจดีย์ชัยมงคล ตั้งอยู่บริเวณวัดผาน้ำทิพย์เทพประสิทธิ์วราราม ตำบลผาน้ำย้อย อำเภอหนองพอก จังหวัดร้อยเอ็ด ระยะทางจากตัวเมืองร้อยเอ็ดประมาณ80 ก.ม มีลักษณะเป็นมหาเจดีย์ขนาดใหญ่ที่วิจิตรพิสดาร ใช้ศิลปกรรมร่วมสมัยระหว่างภาคกลางและภาคอีสานเป็นการผสมกันระหว่างพระปฐมเจดีย์และพระธาตุพนม ใช้งบประมาณก่อสร้างถึงปัจจุบันกว่า 3,000 ล้านบาท ดำเนินการสร้างโดย “พระอาจารย์ศรี มหาวิโร” ซึ่งเป็นศิษย์พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต

 

พระมหาเจดีย์ชัยมงคลออกแบบโดยกรมศิลปากร เป็นสีขาวตกแต่งลวดลายตระการตาด้วยสีทองเหลืองอร่าม รายล้อมด้วยเจดีย์องค์เล็กทั้ง 8 ทิศสร้าง ในเนื้อที่ 101 ไร่ กว้าง 101 เมตร ยาว 101 เมตร ความสูง 101 เมตร รวมยอดทองคำเป็น 109เมตร ใช้ทอง คำหนัก 4,750 บาท หรือประมาณ 60 กิโลกรัม ภายในองค์พระมหาเจดีย์เหมือน อยู่บนวิมานแดนสวรรค์

 

ชั้นที่ 1 เป็นห้องโถงกว้างใหญ่ โอ่อ่า ผนังจารึกนามทานาธิบดีต่าง ๆ ใช้เป็นห้องประชุม บำเพ็ญบุญ

ชั้นที่ 2 เป็นห้องโถงโอ่อ่าเช่นกัน ผนังติดตั้งรูปพระพุทธประวัติ ลวดลายไทยวิจิตรพิสดาร

ชั้นที่ 3 เป็นที่ประดิษฐานรูปพระณาจารย์ ปราชญ์ อีสานในอดีต เป็นรูปเหมือนสลักหินอ่อน และหุ่นรูปเหมือนพระสุปฏิปันโน 101 องค์

ชั้นที่ 4 จัดเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงวัดวาอาราม สถานปฏิบัติสม ถะวิปัสสนา กรรมฐานที่หลวงปู่ศรี เคยบำเพ็ญธรรมมา

ชั้นที่ 5 บันไดเวียน 119 ชั้น เป็นห้องโถงรูประฆัง 8 เหลี่ยมบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ

 

เรียบเรียงโดย www.HotelAndResortThailand.com

ยอดเขาที่สูงที่สุดในจังหวัดเพชรบูรณ์

ภูทับเบิก

ภูทับเบิก เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในจังหวัดเพชรบูรณ์ ด้วยระดับความสูง 1,768 จากระดับน้ำทะเลปานกลาง อุณหภูมิที่หนาวเย็นทั้งปีบนยอดภู และไร่กะหล่ำปลี ที่กว้างใหญ่สุดลูกตา กินบริเวณยอดภูหลายลูก จุดเด่นที่สุดของภูทับเบิก คือ การชมวิวได้รอบทิศ 360 องศา เหนือบรรดาเมฆหมอกที่ลอยอยู่รอบๆ และมีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี เนื่องจากเป็นยอดเขาสูงที่สุดของเพชรบูรณ์ และปลูกแต่กะหล่ำปลีทั่วทั้งหุบเขา ทำให้ไม่มีต้นไม้ใหญ่มาบดบังทัศนียภาพ และกระแสลมบน ขณะที่ในบางเช้าก็มีทะเลหมอกขนาดใหญ่ กินบริเวณกว้างทางด้านทิศตะวันออกที่ติดกับ อำเภอหล่มเก่า ถือเป็นทะเลหมอกที่ใกล้กับผู้ชมมากที่สุด เพราะหมอกทั้งหมดมาออกันอยู่ด้านข้างจุดกางเต็นท์นั่นเอง

เรียบเรียงโดย www.HotelAndResortThailand.com

นาขั้นบันได “บ้านแม่กลางหลวง” จ.เชียงใหม่

ทุ่งนา

“บ้านแม่กลางหลวง” ตั้งอยู่ในหุบเขานาขั้นบันไดอันเป็นพื้นที่ลุ่มน้ำชั้น บนดอยอินทนนท์ เป็นที่อยู่อาศัยของชนเผ่ากระเหรี่ยง ซึ่งประกอบอาชีพเกษตรกรรม และการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ณ บ้านแม่กลางหลวงมีนาขั้นบันไดสีเหลืองทองที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ เป็นฉากการถ่ายทำละคร และภาพยนตร์ดังหลายเรื่อง

ช่วงเวลาชมนาขั้นบันไดจะแบ่งเป็น 2 ช่วง ได้แก่
– ก.ย. – กลาง ต.ค . ช่วงหน้าฝนต้นข้าวจะเริ่มเขียวขจีชุ่มฉ่ำ เคล้าสายหมอกบางๆในฤดูฝน
– ปลาย ต.ค. – ต้นพ.ย. เป็นช่วงที่ต้นข้าวออกรวงเป็นสีทองเต็มท้องทุ่งเหลืออร่ามงดงามยิ่งนัก

 

การเดินทาง 

1. โดยรถยนต์ส่วนตัว 
สามารถเดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ ตามเส้นทางหลวงหมายเลข 108 (เชียงใหม่ – ฮอด) ผ่านอำเภอหางดง อำเภอ สันป่าตอง และอำเภอจอมทอง เป็นระยะทาง 50 กิโลเมตรโดยประมาณแล้วเดินทาง ต่อไปตามเส้นทาง อำเภอจอมทอง อุทยานแห่งชาติ ดอยอินทนนท์ (ทางหลวงหมายเลข 1009) อีกประมาณ 26 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายเข้าสู่บ้านแม่กลาง หลวง
2. โดยรถประจำทาง
– จากกทม. นั่งรถสายกทม.-จอมทอง มีทั้งรถ ปอ. 1และ ปอ.2 หลังจากนั้นต่อรถสองแถวที่อ.จอมทอง
– จากจอมทองนั่งรถสายจอมทอง – แม่แจ่มค่าโดยสาร 80 บาท เป็นรถสองแถวสีเหลือง คิวรถอยู่ที่ข้างวัดพระธาตุ ศรีจอมทอง รถจะออกต่อเมื่อมีผู้โดยสารเต็ม รถจะผ่านเข้าเส้นทางไปอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ บอกคนขับว่า ลงก.ม. ที่ 26 บ้านแม่กลางหลวง หลังจากนั้นเดินเข้าไปในหมู่บ้านอีกประมาณ 500 เมตรก็จะถึง บ้านแม่กลางหลวง

เริ่มจากเชียงใหม่
– จากเชียงใหม่นั่งรถไปลงอาเขต
– จากอาเขต ขึ้นรถแดงไปลงประตูเชียงใหม่ 20 บาท
– จากประตูเชียงใหม่สายเชียงใหม่ – จอมทองค่าโดยสาร 35 บาท แล้วมาลงที่จอมทอง

เรียบเรียงโดย www.HotelAndResortThailand.com

“ดอยหลวงเชียงดาว” หรือ “ดอยเชียงดาว” จ.เชียงใหม่

ดอยหลวงเชียงดาว

“ดอยหลวงเชียงดาว” หรือ “ดอยเชียงดาว” เป็นภูเขาสูงอันดับ 3 ของประเทศ ตั้งอยู่ในอำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ อยู่ทางทิศเหนือของเชียงใหม่ไปตามเส้นทางหลวงสายเชียงใหม่-ฝาง ดอยหลวงเชียงดาว เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงาม การเดินทางสู่เขาสูงแห่งนี้ค่อนข้างลำบาก แต่ทว่าทัศนียภาพด้านบนคุ้มค่ากับการเดินทางเสียจริง จุดเด่นที่สุดคือวิวทิวทัศน์ที่แสนสวยงาม ธรรมชาติบริสุทธิ์ ละออกหมอกและน้ำค้างยามเช้า รวมไปถึงนกหลากชนิด และดอกไม้ป่านานาพรรณ ยามค่ำคื่นเป็นจุดดูดาวที่สวยที่สุดแห่งหนึ่ง เนื่องจากไม่มีมีแสงไฟคอยบดบังแข่งแสงดาว ดาวที่นี่จึงเปล่งแสงประกายให้คุณเห็นระยิบระยับเต็มท้องฟ้า

เรียบเรียงโดย www.HotelAndResortThailand.com

“เขาช้างเผือก” อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี

“เขาช้างเผือก” สถานที่ที่ขึ้นชื่อว่าเป็น Unseen in Thailand ที่หลายๆคนยังไม่รู้จักเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ โดยมีความสูงถึง 1,249 จากระดับน้ำทะเล เส้นทางขพิชิตเขาช้างเผือก จะเปิดให้จองได้คือช่วงเดือน พฤศจิกายน – กุมภาพันธ์ อาจจะเปิดช้า หรือปิดเร็วกว่ากำหนด ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในแต่ละปี

– ข้อดีของจุดแรกคือ ตอนเช้าจะถ่ายพระอาทิตย์ขึ้นได้สวยงามกว่า ประมาณว่าออกมานอกเต็นท์ ก็ถ่ายพระอาทิตย์ขึ้นได้เลย แต่ข้อเสียคือ ตอนเย็นปีนขึ้นจุดสูงสุดแล้ว ตอนขากลับที่พักจะใช้เวลามากกว่าและเหนื่อยมากกว่า เพราะว่าขากลับจากยอดเขาช้างเผือก เราจะถึงจุดที่สองก่อน ก็สามารถเข้าพักได้เลย แต่ถ้าเราเลือกจุดแรกก็ต้องปีนขึ้นไปพักบนจุดแรก
– ข้อดีของจุดที่สองคือ วันแรกจะไม่เหนื่อยมาก ปีนขึ้นสันคมมีดไปชมวิว เสร็จแล้วก็ปีนลงมาก็ถึงที่พักแล้ว (ไม่ต้องปีนขึ้นอีก)  แต่ข้อเสียคือตอนเช้าวันที่สอง ต้องปีนขึ้นไปชมพระอาทิตย์ขึ้น แล้วก็ลงมาเก็บเต๊นท์ แล้วก็ปีนขึ้นเพื่อกลับอีก
ข้อมูลควรทราบ
– ควรเตียมอุปกรณ์สำหรับเดินป่าและของใช้จำเป็นให้ครบถ้วน
– ทางเดินลาดชัน ที่ต้องปีนป่าย และทรงตัวไปตามทางเดินเล็กๆ และลื่นพอสมควร จุดวัดใจในการขึ้นสู่ยอดเขานั่นก็คือ “สันคมมีด” ที่เป็นสันหินแคบ กว้างไม่ เกิน 1 เมตร สองข้างทางเป็นเหวลาดลงไป ใครจะขึ้นถึงยอดหรือไม่ ก็วัดใจกันตรงนี้นี่แหล่ะ   ถ้าหากผ่านสันคมมีดมาได้ รางวัลที่รออยู่บนยอดเขาช้างเผือกนั้นสามารถทำให้หายเหนื่อยได้ไม่ยาก ไม่ว่าจะเป็นวิวกว้างไกลสุดลูกหูลูกตาแบบ 360 องศา ที่สามารถมองเห็น เขื่อนวชิราลงกรณ์ด้านล่าง และในวันที่ปราศจากเมฆหมอก ทัศนวิสัยดีเยี่ยมจะสามารถมองข้ามไปทางฝั่งประเทศพม่าและมองเห็นทะเลอันดามันได้ด้วย!!!- ค่าเจ้าหน้าที่นำทาง 700 ค่าลูกหาบ 700 ต่อคน ขนได้ประมาณ 30 กก. ถ้ามากกว่านี้ลูกหาบจะมองหน้าเอา โอนค่าเจ้าหน้าที่นำทางไปก่อน ส่วนค่าลูกหาบค่อยไปจ่ายที่หมู่บ้านปิล๊อก
– เดินทางไปถึงที่ทำการอุทยานทองผาภูมิตอนเช้าประมาณ 7 โมง จ่ายค่าอุทยาน ค่ากางเต็นท์กับเจ้าหน้าที่ก่อน เส้นทางขึ้นอุทยาน ถ้าเหมารถจากตัวเมืองทองผาภูมิมา ก็คงจะมี 2 กรณี กรณีแรกคือขึ้นอุทยานตอนเย็น ต้องขึ้นมาก่อน 6 โมงเย็น ถ้าหลังจากนั้นเส้นทางขึ้นอุทยานอาจเจอช้างป่าได้ กรณีหลังคือ เหมารถขึ้นมาตอน 6 โมงเช้า นั่นหมายความว่าต้องวางแผนให้ดีว่าจะนอนที่ไหนกัน จะขึ้นตอนเย็นแล้วกางเต็นท์นอนที่อุทยาน หรือ นอนที่ตัวเมืองทองผาภูมิ แล้วค่อยขึ้นอุทยานตอนเช้า แล้วปีนเขาเลย
– เมื่อจ่ายค่าอุทยานและค่ากางเต็นท์(บนเขาช้างเผือก)  ก็อาจจะต้องสำรองเงินสดจ่ายค่าเจ้าหน้าที่ 700 บาท      อ้าวก็โอนค่าเจ้าหน้าที่มาให้แล้วนี่นา  คือ ที่โอนมาเงินอาจจะยังมาไม่ถึง จนท.ที่อุทยาน อาจจะยังอยู่ที่หน่วยช่องเย็น   (ตอนที่เราโทรไปจอง เราจะคุยกับ จนท.ที่หน่วยช่องเย็น เพราะที่อุทยานไม่มีไฟฟ้ากับโทรศัพท์) ถ้าเราสำรองเงินสดจ่ายก่อน 700 ก็อาจจะต้องกลับมารับเงินอีก 700 คืน แต่ไม่รู้ว่าให้ไปรับที่ไหน อาจจะเป็นที่อุทยาน หรือหน่วยช่องเย็นก็ได้
ที่อยู่ : ตู้ ปณ.18 อ. ทองผาภูมิ จ. กาญจนบุรี 71180
เบอร์ติดต่อ :  034-532114, 034-510979
เรียบเรียงโดย www.HotelAndResortThailand.com

Review Sunday Family Brunch Ibis Bangkok Riverside

1

พบกับรีวิวอาหารสุดคุ้ม กับบรรยากาศริมน้ำเจ้าพระยา ทานไป ชิลไปกับวิวสวยๆ ที่ ไอบิส แบงคอค ริเวอร์ไซด์

การเดินทางไม่ยากเลย ขับข้ามสะพานสาธรมาจากนั้นชิดซ้ายเข้าเส้นเจริญกรุง แยกไฟแดงแรกให้เลี้ยวขวา พอเลี้ยวขวาเสร็จชิดซ้ายเลยนะคะ ประมาณ100เมตรจะเห็นซอยเจริญนคร 17 เลี้ยวเข้าไปเลยค่ะ โรงแรมอยู่ริมน้ำเจ้าพระยาเลย

เข้ามาถึงพบกับบรรยากาศร่มรื่น ที่จอดรถกว้างขวางเพียงพอเลยค่ะ บรรยากาศโดยรอบห้องอาหารเย็นสดชื่นด้วยลมจากแม่น้ำเจ้าพระยา และต้นไม้น้อยใหญ่ที่ขึ้นโดยรอบ

2

วิวริมน้ำ

 4

ห้องอาหารเลือกนั่งได้ 2 โซน เป็นห้องกระจกเย็นฉ่ำ หรือ ด้านนอกบรรยากาศแบบ Open Air

5

6

7

โซน indoor ในห้องปรับอากาศค่ะ

8

การันตีความอร่อย และความนิยมโดย Tripadvisor

9

10

บรรยากาศ และอาหารน่ากินทั้งนั้นๆ

11

อีกมุม

12

13

เริ่มที่เครื่องดื่มกันก่อน มีหลากหลายให้เลือกค่ะ น้ำเปล่า น้ำชา กาแฟ น้ำอัดลม

ต่อด้วยอาหารสะดุดตาเลยกับซีฟู้ดเรียงรายหลากหลาย ทั้งหอยนางรม กุ้ง ปู และยำพร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเด็ด

14

15

16

17

ส่วนอาหารกริลล์ และรมควัน ก็ทำได้เยี่ยมยอดค่ะ วัตถุดิบคุณภาพ น้ำจิ้มกลมกล่อมพอดี

18

มาที่ซูชิกันบ้างค่ะ มีให้เลือกหลากหลายเหลือเกิน เรียกว่าเกินคุ้ม ไฮไลท์อยู่ที่เนื้อปลาแซลม่อน สด ไม่คาวเลย ลองทานดูกับน้ำจิ้มซีฟู้ด เป็นยำแซลมอนรสชาติเยี่ยมเลย ถูกปากคนชอบทานของแซ่บๆค่ะ

ซูชิก็มีหลากหลายค่ะ

19

20

อาหารไทย-จีนก็อร่อยมากๆค่ะ มีให้เลือกหลากหลายด้วย ทั้งกระเพาะปลา ข้าวผัด เยอะไปหมด เรียกได้ว่าคุ้มจริงๆ อิ่มไปถึงตอนเย็นเลย

อันนี้ชอบมากค่ะทานไป 3 จาน

21

อันนี้ไม่ได้ลองค่ะ แต่แต่งออกมาน่ารักเชียว

22

23

กุนเชียง อาหารง่ายๆ แต่อร่อย ทานกับข้าวผัดเข้ากันได้ดีมากๆ

24

25

ในหม้อนั่นคือกระเพาะปลา ใส่ไก่ และหน่อไม้ ร้อนๆ อร่อยเลย ทานกับข้าวผัด อร่อยอีกแล้ว

26

27

อาหารอิตาเลี่ยนก็มีนะคะ พวกสปาเก๊ตตี้ สเต๊ก เฟรนช์ฟราย

28

29

30

ตบท้ายด้วยของหวาน ผลไม้ และเบเกอรี่ต่างๆ อลังการพุงกาง ^^

31

32

33

34

 

35

36

37

38

3940

ฟองดูผลไม้จิ้มช็อกโกแลต

41

42

43

จบด้วยสนามเด็กเล่น และกิจกรรมบันเทิงเล็กๆน้อยๆ บ่งบอกถึงความเป็นห้องอาหารสำหรับครอบครัวจริงๆ

44

ความเห็นเกี่ยวกับรสชาติอาหาร ความหลากหลาย บรรยากาศ-สถานที่ การบริการ และความคุ้มค่านะคะ

รสชาติอาหาร

ส่วนตัวแล้วชอบอาหารไทย และอาหารจีนของที่นี่ค่ะ เชฟทำได้อร่อยมาก รวมไปถึงพวกกริลล์ต่างๆ ส่วนพวก cold cut และอาหารทะเล ถือว่าใช้ได้ในระดับกลางๆค่ะ อาหารทะเลมีให้เลือกเยอะ คัดของคุณภาพดี แต่น่าจะแช่แข็งไว้ก่อนเลยเย็นไปหน่อย

ความหลากหลาย

หากคุณกำลังมองหาห้องอาหารที่มีให้เลือกครบทั้งอาหารไทย อาหารจีน อาหารนานาชาติ แนะนำที่นี่เลยค่ะ มีให้เลือกสรรค์มากมาย ไม่อั้นจริงๆ

บรรยากาศ

ตกแต่งเหมาะกับมื้อสายๆของครอบครัวค่ะ ห้องอาหารตกแต่งโล่งโปร่งด้วยบานกระจกในห้องแอร์เย็นฉ่ำ อากาศถ่ายเทดี มองเห็นวิวสวน สระว่ายน้ำ และแม่น้ำเจ้าพระยา หรือจะเลือกนั่งทานด้านนอกก็ได้ค่ะ ได้บรรยากาศแต่จะร้อนนิดนึงนะคะ

การบริการ

เยี่ยมเลยค่ะ พนักงานยิ้มแย้มแจ่มใส ของหมดเติมตลอด และให้ความช่วยเหลือ คำแนะนำดีมาก

ความคุ้มค่า

คุ้มที่สุดค่ะ ราคาเพียง 1199 บาท กับอาหารหลากประเภท รวมไปถึงขนมนมเนยต่างๆ ในบรรยากาศริมน้ำเจ้าพระยา ลองไปทานกันนะคะ มีกลับไปอีกแน่ค่ะ

สนใจสอบถามไปทานกันได้ที่

ไอบิส กรุงเทพฯ ริเวอร์ไซด์

02 659 2888

วันนี้ขอจบรีวิวเท่านี้ก่อนนะคะ พบกันใหม่กับรีวิวห้องอาหารโรงแรมกับ hotelandresort คราวหน้าค่ะ

ขอบคุณค่ะ

 

 

 

 

ท่องเที่ยวรับลมเย็นๆ ณ เกาะลันตา จ.กระบี่

 

01

          เกาะลันตา เป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดกระบี่ โดยเป็นเกาะขนาดใหญ่ที่มีผู้คนอาศัยต่อเนื่องมายาวนานกว่าร้อยปี ประกอบด้วย เกาะลันตาใหญ่ และ เกาะลันตาน้อย แหล่งท่องเที่ยวส่วนใหญ่อยู่บน เกาะลันตาใหญ่ ขณะที่ เกาะลันตาน้อย เป็นที่ตั้งของที่ว่าการอำเภอเกาะลันตา ด้วยระยะทางที่ห่างไกลจากแผ่นดิน เกาะลันตาจึงยังคงความสวยงามของหาดทรายและน้ำทะเลสะอาด อีกทั้งยังมีวิถีชีวิตของชาวเกาะดั้งเดิม ที่มีทั้งชาวไทยพุทธ ชาวไทยจีน ชาวไทยมุสลิม และชาวไทยใหม่ (ชาวเล) อาศัยอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ผสานกับความเจริญทางด้านหัวเกาะแถบท่าเรือและชายหาดฝั่งตะวันตก ซึ่งคึกคักด้วยนักท่องเที่ยว การมาเยือนเกาะลันตาจึงได้เที่ยวหลายบรรยากาศในคราวเดียวกัน

          สำหรับ เกาะลันตา ประกอบด้วย เกาะลันตาใหญ่ และ เกาะลันตาน้อย โดยมีเกาะกลางคั่นอยู่ระหว่าง 2 เกาะนี้ ซึ่งแหล่งท่องเที่ยวทั้งหมดอยู่บน เกาะลันตาใหญ่ มียาวประมาณ 30 กิโลเมตร กว้างประมาณ 6 กิโลเมตร โดดเด่นด้วยชายหาดยาวเรียงรายต่อเนื่องกันถึง 13 หาดทางฝั่งตะวันตก มีทั้งหาดหินและหาดทราย เพียบพร้อมด้วยที่พักหลากสไตล์ หลายราคา ส่วนทางฝั่งตะวันออกคือ ชุมชนโบราณ ชื่อบ้านศรีรายา ซึ่งตั้งมากว่าร้อยปี มีเสน่ห์ด้วยเรือนแถวไม้หน้าแคบที่ยื่นยาวลึกออกไปในทะเล และวิถีชีวิตสงบงามของชาวไทยจีน ชาวไทยมุสลิม ที่อาศัยอยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุข

          เกาะลันตาใหญ่ ยังมีจุดเด่นอยู่ที่ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา ตั้งอยู่ที่แหลมโตนด ตรงปลายเกาะ เป็นพื้นที่ที่สมบูรณ์ด้วยผืนป่าดงดิบ มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ และที่โดดเด่นที่สุดคือ ประภาคารสีขาว ซึ่งเป็นเสมือนสัญลักษณ์ของเกาะลันตา

02

          และอีกจุดเด่นหนึ่งคือ หมู่บ้านชาวเล หรือชาวไทยใหม่ ชื่อบ้านสังกาอู้ อยู่ทางตอนใต้ของเกาะ เป็นชุมชนของชาวเลเผ่าลูโมะลาโว้ย ที่คนไทยภาคกลางเรียกว่า อูรักลาโว้ย พวกเขาตั้งถิ่นฐานบนเกาะลันตามานานหลายชั่วอายุคน อีกทั้งเกาะลันตายังเปรียบได้ดั่งเมืองหลวงของชาวเล ส่วนสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นบริษัททัวร์ ร้านดำน้ำ ธนาคาร ร้านอาหาร ร้านบริการอินเทอร์เน็ต ร้านเช่ามอเตอร์ไซค์ ร้านขายของที่ระลึก ฯลฯ มีเพียบพร้อมอยู่ที่บ้านศาลาด่าน

 

สถานที่ท่องเที่ยวบนเกาะลันตา

อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา

          อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา มีเนื้อที่ประมาณ 134 ตารางกิโลเมตร ในอำเภอเกาะลันตา ประกอบด้วยเกาะต่าง ๆ ที่สำคัญได้แก่ เกาะลันตาใหญ่ เกาะลันตาน้อย เกาะตะละเบ็ง และเกาะใกล้เคียง รวมไปถึงหมู่เกาะห้า เกาะรอกนอก เกาะรอกใน และเกาะไหง

         เกาะที่น่าท่องเที่ยวของอุทยานฯ ได้แก่ เกาะลันตาน้อย เป็นเกาะที่เป็นชุมชนของชาวเกาะลันตาในอดีตมาก่อน มีที่ว่าการอำเภอ มีโรงเรียนวิถีชีวิตแบบเก่า ๆ บ้านเรือนโบราณยังมีให้พบเห็น

เกาะลันตาใหญ่ มีรูปร่างยาวเรียวจากเหนือมาใต้ ศูนย์กลางธุรกิจของเกาะอยู่ที่บริเวณท่าเรือศาลาด่าน ซึ่งมีทั้งบริการท่องเที่ยว ร้านอาหาร ธนาคาร ด้านตะวันตกเรียงรายไปด้วยชายหาดและอ่าวที่สวยงามมากมาย ได้แก่ หาดคอกวาง หาดโละบารา หาดพระแอะ หาดคลองโขง หาดคลองนิน และมีถนนตัดจากท่าเรือตอนเหนือผ่านชายหาดต่าง ๆ ไปจนถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา ซึ่งอยู่ตอนใต้สุดของเกาะ พื้นที่ส่วนใหญ่บนเกาะมีสภาพเป็นทิวเขาสลับซับซ้อน ปกคลุมด้วยป่าที่สมบูรณ์ ส่วนด้านตะวันออกมีชุมชนเก่าของเกาะลันตาเนื่องจากเคยเป็นที่ตั้งของที่ว่าการอำเภอมาก่อน ซึ่งย้ายไปอยู่ที่เกาะลันตาน้อย ชาวบ้านส่วนใหญ่บนเกาะลันตานับถือศาสนาอิสลาม และที่บ้านสังกะอู้ยังมีชนพื้นเมืองที่ยังคงยึดถือวัฒนธรรมประเพณี ได้แก่ ประเพณีลอยเรือ

03

ไม่ไกลจากที่ทำการอุทยานฯ มีจุดชมวิวแหลมโตนดซึ่งเป็นที่ตั้งของประภาคาร จากมุมนี้สามารถมองเห็นโค้งอ่าวกรวดและอ่าวหาดทรายขาวสะอาดมาบรรจบกัน ตอนปลายสุดของแหลมเป็นที่ตั้งของ เกาะหม้อ เป็นจุดดำดูปะการังน้ำลึก นอกจากจุดชมวิวแหลมโตนดแล้ว ยังมีจุดชมวิวบนยอดเขาบริเวณตอนกลางเกาะ ที่มีร้านอาหารสามารถนั่งรับประทานอาหารพร้อมกับชมทิวทัศน์ของทะเลอันดามันที่มีเกาะต่าง ๆ อยู่ท่ามกลางผืนน้ำสีน้ำเงิน

04

เกาะตะละเบ็ง อยู่ระหว่างท่าเรือคลองม่วงเกาะลันตา เป็นเกาะที่มีลักษณะเป็นหินปูน คล้ายเกาะพีพีเล มีชายหาดเล็ก ๆ และโพรงถ้ำซึ่งจะโผล่ให้เห็นได้เฉพาะเวลาน้ำลง มีนกนางแอ่นอาศัยอยู่บนเกาะด้วย ในกลุ่มนี้จะมีเกาะผีซึ่งอยู่ไปทางทิศเหนือ และยังเป็นที่สามารถพายเรือแคนูได้

เกาะรอกใน เป็นที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์ย่อยของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา เป็นเกาะที่มีลักษณะเป็นหน้าผาสูงชัน ด้านทิศตะวันออกมีหาดทราย และแนวปะการังเป็นกลุ่ม ๆ ตามโขดหิน ด้านทิศเหนือของเกาะมีแหลมธงและอ่าวศาลเจ้า ผืนทรายที่เกาะรอกในละเอียดขาวเนียน น้ำทะเลใสเป็นสีเขียวจนมองเห็นปลาหลากสีสัน เป็นความบริสุทธิ์ของธรรมชาติที่ยังไม่มีใครเดินทางมาสัมผัสมากนัก บนเกาะยังมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติให้ได้เดินออกกำลังกายดูพันธุ์ไม้ ต่าง ๆ ได้อีกด้วย สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการจะพักค้างแรมบนเกาะ ที่นี่มีที่พื้นสำหรับกางเต็นท์ สนใจสอบถามข้อมูลได้จากอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา

05

เกาะรอกนอก ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้และทิศใต้ มีหาดทรายขาวละเอียด และแนวปะการังน้ำตื้น ด้านท้ายเกาะมีหาดทะลุและอ่าวม่านไทร ส่วนการเดินทางไปเกาะรอกนิยมเช่าเรือจากท่าเรือปากเมง ใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง หรือใช้บริการนำเที่ยวด้วยเรือเร็วจากเกาะลันตา สามารถติดต่อได้จากบริษัททัวร์หรือสถานที่พักบนเกาะลันตาใหญ่ ทั้งนี้ ไม่แนะนำให้เช่าเรือหางยาวเดินทางไปเกาะรอกเนื่องจากระยะทางไกล อาจไม่ปลอดภัยโดยเฉพาะในวันที่สภาพอากาศไม่ดี

เกาะไหง ทางทิศตะวันออกของเกาะ ประกอบด้วยหาดทรายยาว และมีปะการังด้านหน้าหาด นับเป็นแหล่งดูปะการังน้ำตื้นที่สมบูรณ์แห่งหนึ่ง การเดินทางสามารถเช่าเรือจากท่าเรือปากเมง จังหวัดตรังได้

หินแดง เป็นหินโสโครกอยู่ฝั่งด้านนอกของทะเลอันดามัน มีปะการังชนิดต่างๆ ที่สวยงามเหมาะสำหรับการดำน้ำ

06

08

เกาะห้า (ตุกนลิมา)ซึ่ง ตุกนลิมา แปลว่า กองหินห้าลูก เป็นกลุ่มเกาะ 5 เกาะ เกาะห้าใหญ่จะมีลักษณะของทุ่งหญ้าอยู่บนสันเกาะ มีเกาะรูปคล้ายใบเรือ เป็นเกาะที่มีน้ำลอดได้ และเมื่อขึ้นอยู่บนสันเกาะจะมีมุมทิวทัศน์ที่สวยงาม กลุ่มเกาะห้าเป็นจุดดำน้ำที่มีชื่อเสียงอีกเกาะหนึ่งของเกาะลันตา สัตว์ที่น่าสนใจ คือ กระเบนราหู โดยทางกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ประกาศปิดการท่องเที่ยวบริเวณเกาะห้า ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฏาคม – 30 พฤศจิกายน ของทุกปี

 

การเดินทาง

          เกาะลันตาอยู่ห่างจากเมืองกระบี่ประมาณ 70 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางสู่เกาะลันตาได้หลายวิธี ทั้งทางรถยนต์ส่วนตัว รถตู้ และเรือโดยสาร

 

โดยรถยนต์

          จากกรุงเทพฯ ต้องขับรถไปยังท่าเรือหัวหิน จังหวัดกระบี่ เพื่อข้ามแพขนานยนต์ไปเกาะลันตา โดยเริ่มต้นจากการใช้ทางหลวงหมายเลข 4 (เพชรเกษม) จนถึงจังหวัดชุมพร แล้วต่อด้วยทางหลวงหมายเลข 41 ผ่านอำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร สู่อำเภอไชยา อำเภอเวียงสระ จังหวัดสุราษฎร์ธานี จากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข 4035 ถึงอำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ แล้ววกเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 4 เพื่อเข้าสู่ตัวเมืองกระบี่ ระยะทางประมาณ 814 กิโลเมตร

          เมื่อถึงเขตเมืองกระบี่ ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 4 ผ่านท่าอากาศยานนานาชาติกระบี่ อำเภอเหนือคลอง อำเภอคลองท่อม ถึงประมาณหลักกิโลเมตรที่ 64 แล้วเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 4206 สู่บ้านหัวหิน ซึ่งเป็นจุดลงแพขนานยนต์ไปยังเกาะลันตาใหญ่ ต้องลงแพขนานยนต์ 2 ช่วง คือ บ้านหัวหินเกาะลันตาน้อย และเกาะลันตาน้อยเกาะลันตาใหญ่ ค่าข้ามแพ 2 ช่วง รถยนต์ คันละ 100 บาท รวมคนขับ ผู้โดยสาร คนละ 20 บาท

 

โดยรถประจำทาง

          จากกรุงเทพฯ ต้องนั่งรถไปลงที่กระบี่ มีรถโดยสารปรับอากาศของบริษัท ขนส่ง จำกัด และของเอกชน สายกรุงเทพฯกระบี่ ออกจากสถานีขนส่งสายใต้ ถนนบรมราชชนนี ทุกวัน วันละหลายเที่ยว ใช้เวลาเดินทางประมาณ 11-12 ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดได้ที่บริษัท ขนส่ง จำกัด โทรศัพท์ 1490 หรือเว็บไซต์ www.transport.co.th

          เมื่อลงรถที่สถานีขนส่งกระบี่แล้ว รอรถตู้ไปเกาะลันตาที่สถานีขนส่ง สำหรับผู้ที่ไม่ได้เดินทางด้วยรถประจำทาง ต้องไปขึ้นรถตู้ที่คิวรถกระบี่ลันตา ถนนมหาราช ซอย 6 ควรโทรศัพท์จองที่นั่งและนัดแนะเวลาขึ้นรถล่วงหน้าที่ โทรศัพท์ 0 7562 2197 (กระบี่) หรือโทรศัพท์ 0 7569 7053 (เกาะลันตา) รถออกทุกชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 07.00-15.00 .ทั้งนี้ รถตู้จะแล่นไปส่งนักท่องเที่ยวถึงที่พักจนสิ้นสุดปลายทางที่บ้านศรีรายา ในเที่ยวกลับควรโทรศัพท์นัดเวลามารับที่ที่พัก และต้องเผื่อเวลาเดินทางกลับถึงกระบี่ไว้ราว ๆ 3 ชั่วโมง เพราะอาจต้องรอลงแพขนานยนต์นานเป็นชั่วโมง

 

โดยเครื่องบิน
          เครื่องบินจากกรุงเทพฯ ไปกระบี่ โดยการบินไทย นกแอร์ และแอร์เอเชีย ดังนี้
          –
การบินไทย โทรศัพท์ 0 2356 1111 หรือ www.thaiairways.com
          –
นกแอร์ โทรศัพท์ 1318 หรือ www.nokair.com
          –
แอร์เอเชีย โทรศัพท์ 0 2515 9999 หรือ www.airasia.com

          จากท่าอากาศยานนานาชาติกระบี่ไปเกาะลันตา วิธีที่สะดวกที่สุดคือเช่ารถจากบริษัทต่าง ๆ ที่ตั้งบูธอยู่ภายในอาคารท่าอากาศยาน หรือหากจองที่พักบนเกาะลันตาไว้ ส่วนใหญ่แล้วจะมีรถมารับที่ท่าอากาศยาน


การเดินทางภายในเกาะลันตา

          ถ้าไม่ได้ขับรถไปเอง เมื่อไปถึงลันตาควรเช่ามอเตอร์ไซค์ขี่เที่ยว เพราะบนเกาะไม่มีรถสองแถว เช่ามอเตอร์ไซค์ได้ที่ร้านแถวศาลาด่าน ค่าเช่าวันละ 150 – 250 บาท ขึ้นอยู่กับจำนวนวันเช่า ทั้งนี้ เกาะลันตามีถนนรอบเกาะเส้นหลักเส้นเดียว สภาพดี ลาดยางตลอดเส้น ไปจนถึงอ่าวบากันเตียง จากนั้นจึงเป็นทางลูกรังไปจนใกล้ถึงแหลมโตนด อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา สภาพเส้นทางมีหินลอย ขึ้นลงเขาชัน ข้างทางเป็นหุบเหว หากจะขี่มอเตอร์ไซค์ไปเที่ยวต้องมั่นใจในฝีมือการควบคุมรถของตัวเองอย่างมาก แต่เมื่อผ่านด่านเก็บค่าธรรมเนียมไปแล้ว เป็นทางลาดยางตลอด 2 กิโลเมตร จนถึงที่ทำการอุทยานฯ นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวยังสามารถเหมาเรือหางยาวท่องเที่ยวและดำน้ำรอบเกาะได้ คิดราคาต่อวัน/ครึ่งวัน หรือแล้วแต่ระยะทางและการต่อรอง ติดต่อเช่าเรือได้ที่บริษัทนำเที่ยวแถวท่าเรือศาลาด่าน หรือติดต่อผ่านที่พัก


โดยเรือ
          จากจังหวัดกระบี่เดินทางสู่เกาะลันตาโดยทางเรือ สามารถขึ้นเรือได้ที่ท่าเรือต่าง ๆ ดังนี้
          –
ท่าเรือคลองจิหลาด อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ ออกเวลา 11.00 . ถึงเกาะลันตา เวลาประมาณ13.00 . ค่าโดยสารประมาณ 350 บาท
          –
ท่าเรืออ่าวต้นไทร (เกาะพีพี) ออกเวลา 08.00 . ถึงเกาะลันตา เวลาประมาณ 09.30 . ค่าโดยสารประมาณ 300 บาท

          – ท่าเรือเกาะจำ (อำเภอเหนือคลอง) ออกเวลา 11.30 . ถึงเกาะลันตา เวลาประมาณ 12.15 . ค่าโดยสารประมาณ 250 บาท

          – ท่าเรือหาดนพรัตน์ธารา ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมือง ออกเวลา 10.30 . ถึงเกาะลันตา เวลาประมาณ 12.45 . ค่าโดยสารประมาณ 380 บาท

          สำหรับการเดินทางสู่เกาะไหง เกาะห้า เกาะรอก และหินแดงหินม่วง เมื่อไปถึงเกาะลันตาใหญ่แล้ว สามารถเช่าเรือเอกชนได้จากท่าเรือบ้านศาลาด่าน หรืออีกเส้นทางหนึ่ง คือ จากหาดปากเมง อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ส่วนการไปหินแดงหินม่วง มีเรือที่ให้บริการดำน้ำลึกเท่านั้น

 

หมายเหตุ : อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตาประกาศปิดการท่องเที่ยวและพักแรมในแหล่งท่องเที่ยวของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา บริเวณเกาะรอก กองหินแดงกองหินม่วง และเกาะห้า(ตุกนลิมา) ตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม – 31 ตุลาคมของทุกปี

ขอขอบคุณข้อมูลจาก เวบ kapook

กิจกรรมท่องเที่ยวเขาศก จ.สุราษฎ์ธานี

เขื่อนรัชชประภา เป็นเขื่อนเอนกประสงค์ที่สร้างปิดกั้นลำน้ำคลองแสง เกิดเป็นอ่างน้ำขนาดใหญ่ บนสันเขื่อนเป็นจุดชมทิวทัศน์ที่งดงามของอ่างเก็บน้ำ โดยเฉพาะยามดวงอาทิตย์ตก ภายในอ่างเก็บน้ำมีเกาะมากกว่า 100 เกาะ สามารถล่องเรือชมทัศนียภาพที่สวยงามมาก หนึ่งในสถานที่ที่ได้รับความนิยมมาก จนได้รับการกล่าวขานว่าเป็นกุ้ยหลินเมืองไทย คือเขาศก เป็นที่ตั้งของภูเขาหินปูนสูงตระหง่านโดดเด่น รายล้อมด้วยสายน้ำของเขื่อนเชี่ยวหลาน และ เกาะแก่งต่างฯ มีแพพักซึ่งอยู่ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติเขาสก ไว้บริการ และยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจเช่น พายเรือแคนู ตกปลา เที่ยวถ้ำซึ่งจะต้องเดินป่าเข้าไป ระหว่างทางจะได้สัมผัสกับธรรมชาติและความสมบูรณ์ของผืนป่าภาคใต้ ตัวเขื่อนซึ่งอยู่ในความดูแลของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ มีสนามกอล์ฟมาตรฐาน 8 หลุม ท่าเรือสำหรับนั่งเรือชมบรรยากาศเหนือเขื่อน และบ้านพัก บริการแก่นักท่องเที่ยวอีกด้วย

ฤดูกาลท่องเที่ยวเขาศกที่เหมะสมจะอยู่ใช่ช่วงเดือนเมษายน ธันวาคม

กิจกรรมน่าสนใจในเขาศก

001

การล่องเรือแคนูในแม่น้ำคลองศก
การล่องเรือในแม่น้ำคลองศก เป็นกิจกรรมที่ท่านจะได้เพลิดเพลินกับบรรยากาศของธรรมชาติ และวิถีชีวิตชาวบ้านคลองศก โดยใช้เวลาในการนั่งเรือ

01

 

02

 

03

การล่องแพไม้ไผ่
การล่องแพไม้ไผ่ตามสายน้ำคลองศกไปตามหุบเขา และเพลิดเพลินความงามของทัศนียภาพตลอดสองฝั่งคลองศก

04

 

05

 

06

การขี่ช้าง
การขี่ช้างล่องไพร เป็นประสบการณ์ของชีวิตที่ท่านจะเพลิดเพลินกับความงามของธรรมชาติของป่าดิบชื้นของเขาสก

07

 

08

 

09

การเดินป่า
เป็นกิจกรรมการเดินศึกษาเส้นทางธรรมชาติในอุทยานแห่งชาติเขาสก ซึ่งเป็นอุทยานที่ได้ขนานนามว่า ขุนเขาแห่งป่าฝน เป็นป่าดิบชื้นที่มีความสมบูรณ์ทางธรรมชาติ และมีน้ำตกต่างๆ มากมายให้ท่านได้เพลิดเพลิน และเล่นน้ำ

10

 

11

 

12

การเที่ยวเขื่อนรัชชประภา
เขื่อนรัชชประภา ได้รับการขนานนามว่า กุ้ยหลินเมืองไทย เป็นเขื่อนที่มีความสวยงามทางธรรมชาติ และความมหัสจรรย์ยิ่งนัก ท่านจะได้นั่งเรือหางยาวชมความงามของทัศนียภาพ และเที่ยวชมความงามของถ้ำปะการัง และรับประทานอาหารบนแพกลางน้ำท่ามกลางวิวภูเขา

 

การเดินทางระยะทางสู่เขาศก

ห่างจาก อ.เมืองสุราษฎร์ธานี ……………. 85 km
ห่างจาก อ.เมืองพังงา …………………… 100 km
ห่างจาก อ.เมืองภูเก็ต …………………… 170 km
ห่างจาก อ.เมืองกระบี่ ………………….. 150 km
ห่างจาก อ.พุนพิน (สถานีรถไฟ)…………. 70 km
ห่างจาก ปากทางเข้าเขื่อน ………………. 13 km
ห่างจาก อช.เขาสก……. ………………. 60 km


ระยะห่างจากกรุงเทพ ประมาณ 709 กิโลเมตร ตำแหน่ง Gps 13.7150511,100.4441649 ข้อมูลรีสอร์ท เพิ่มเติมคลิก http://hotelandresortthailand.com/hotel.php?name=%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A8%E0%B8%81%20%E0%B8%9A%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B9%81%E0%B8%84%E0%B8%A1%E0%B8%9B%E0%B9%8C&menu=Hotel%20Overview&lang=th

เดินทางโดยรถยนต์

ถ้าขับรถไปผู้อ่านสามารถ แพลนเที่ยว หัวหิน , กระบี่ , ภูเก็ต หรือ สมุยได้สบายๆ 

รายละเอียดการเดินเพิ่มเติมทางดูได้จากเวบนี้เลยค่ะ http://www.chiewlarn.com/forum/index.php?topic=10.0

 

 

 

 

แนะนำร้านอาหารอร่อยๆ ที่พัทยา จ.ชลบุรี

ไปเที่ยวสนุกสนานแล้ว แต่สิ่งที่พลาดไม่ได้ก็คือ ต้องหาอาหารอร่อยๆ ทานด้วยถึงจะครบสมบูรณ์แบบ วันนี้ทางเวบขอแนะนำร้านอาหารที่อาจกล่าวได้ว่าเป็นร้านประจำจังหวัด ถึงแล้วต้องไปทานกัน ไม่ไปถือว่าพลาด เริ่มต้นเลยที่

 

พัทยา เมืองพักผ่อนตากอากาศใกล้ๆกรุงเทพนี้เอง ส่วนมากคนมาพัทยาหากจะหาร้านอาหารอร่อยๆ บรรยากาศดีๆริมทะเล ต้องที่นี่ อร่อยทุกเมนู มุมอร่อยพัทยา มี 3 สาขา มุมอร่อยศรีราชา มุมอร่อยบางละมุง หรือนาเกลือ และมุมอร่อยพัทยาสาย 3

01

เมนูอร่อยสั่งกันเกือบทุกโต๊ะ

ปลากะพงทอดน้ำปลา

ปลากะพงตัวใหญ่ๆ สดมาก เนื้อหวาน ทอดกรอบราดด้วยน้ำปลา มาทุกครั้งต้องสั่งทุกครั้ง

02

แกงส้มไข่ปลาเรียวเซียว

รสชาติกลมกล่อม ให้ไข่ปลาเยอะ

03

ต้มยำรวมมิตรทะเลน้ำข้น

น้ำแกงเข้มข้น กับวัตถุดิบสดใหม่

04

ส้มตำปูม้า รสเด็ด

05

และเมนูอาหารอีกมากมาย เรียกได้ว่าสั่งเลยอร่อยทุกอย่าง เช่น กุ้งอบวุ้นเส้น กั้งกระเทียมพริกไทย ผัดผักหวาน ยำรวมมิตร ยำสามกรอบ ยำหอยนางรม ปูผัดผงกะหรี่

เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 11.30 – 23.00 น.

สาขานาเกลือ โทร 038-223-252, 084-546 7999

สาขาศรีราชา โทร 081-110-4567 , 081-110-7654 , 038-771-555

สาขาพัทยาสาย 3โทร 038-414-802

 

อีกร้านอร่อย สำหรับผู้ต้องการดินเนอร์แสนโรแมนติค รับประทานไปชมวิวงามๆ ถ่ายรูปมาอวดอัพลง Facebook หรือ instagram ได้ที่

ริมผา ลาพิณ

06

07

08

09

บรรยากาศ

 10

11

12

13

14

15

16

จานเด็ด

รายละเอียดสำรองที่นั่งล่วงหน้า

รับจองโต๊ะ เฉพาะวันจันทร์ – ศุกร์ ยกเว้นวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์

เวลาเปิด – ปิด : จันทร์ – ศุกร์ เวลา 16.00 – 24.00 น. , เสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 14.00 – 24.00 น.

โทร : 084-451-5686

 

ร้านปูเป็น จอมเทียน

ร้านดังริมหาดจอมเทียน เปิดให้บริการทั้ง open air ริมทะเล และโซน indoor ในห้องแอร์ จุดเด่นอยู่ที่วัตถุดิบพวก กุ้ง หอย ปู ปลา ที่สดใหม่ ทานกับน้ำจิ้มซีฟู้ดรสจัดจ้าน อีก 1 รสชาติ 1 บรรยากาศที่ต้องลอง

โทร 038 231 728

เมนูเด็ดของร้าน

17

18

19

20

21

22

23

24

25

เดอะ กลาสเฮ้าส์

ร้านอาหารนั่งสบาย ริมชายหาดส่วนตัว ทางเข้าอยู่ตรงข้ามกับโรงละคร อลังการ ก่อนถึงรร.แอมบาสเดอร์ เพียง 800 เมตร  พบกับทะเลสีคราม และ ร้านอาหารสีขาวสะอาด เป็นเรือนกระจกใสแจ๋ว ตั้งอยู่ท่ามกลางป่าสน ริมทะเลแสนสวย แทบจะไม่เชื่อสายตาว่าที่นี่ คือ “ พัทยา “ ด้วยบรรยากาศที่ร่มรื่นของป่าสนใหญ่อายุเกือบ 100 ปี ซึ่งตั้งเรียงรายอยู่บนหาดทรายกว้างริมทะเล ที่มีเม็ดทรายละเอียดสีทอง ยาวสุดสายตา สายลมที่พัดเอื่อย ๆ ตลอดทั้งปี ทั้งกลางวัน และ กลางคืน พัดพาเอาเสียง คลื่นกระทบฝั่งเบา ๆ ผ่านร่มเงาไม้ใบสน ทำให้อากาศที่นี่เย็นสบาย อย่างบอกไม่ถูกที่นั่งที่นี่ ชิลล์ไม่เหมือนใคร

26

27

28

29

30

31

32

สำรองที่นั่งโทร : 038-255-922 , 081-266-6110
เปิดบริการทุกวันตั้งแต่ 11 AM – Midnight

 

สุดทางรัก พัทยา

ร้านอาหารบรรยากาศริมหาดพัทยา ตั้งอยู่ใกล้ซิกม่ารีสอร์ท ภายในร้านเน้นการตกแต่งแบบบรรยากาศอบอุ่น ประกอบด้วยโซน Open Air แบบลมพัดเย็นสบาย และแบบห้องแอร์เย็นฉ่ำ ทำให้การรับประทานนั้นอร่อยยิ่งขึ้น

 

ที่ตั้ง : 99 ม.1 ถ.เลียบชายหาด ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

เวลาเปิด – ปิด : เปิดทุกวัน จันทร์ – พฤหัสฯ เวลา 12.00 – 24.00 น. , ศุกร์ – อาทิตย์ เวลา 12.00 – 01.00 น.

โทร : 038-232-222

33

34

35

36

37

เมนูแนะนำประจำร้าน

38

39

40

41

42

 

แกรนด์ซีไซด์

ร้านแกรนด์ซีไซด์ ตั้งอยู่ในซอยสถิตจอมพล 18 หรือปลายสุดของแหลมฟาน ที่คนศรีราชารู้จักเป็ยอย่างดี ด้วยการตกแต่งตัวร้านแบบสถาปัตยกรรมสมัยรัชกาลที่ 5 รายล้อมไปด้วยบรรยากาศสุดโรแมนติคจากลมที่พัดเย็นสบายบวกกับน้ำทะเลสีคราม ขณะที่นั่งรับประทานอาหารสูตรชาววังที่คัดสรรมาเป็นอย่างดี เมนูส่วนใหญ่จะเป็นอาหารทะเล และอาหารไทย

ที่ตั้ง :  9 ซอยซอย เจิมจอมพล 18 ถนนเจิมจอมพล ตำบลศรีราชา อำเภอศรีราชา ชลบุรี 20110

เปิดทุกวัน เวลา 10.00-22.00 น

โทร : 038-312-537, 038-323-851

43

44

45

46

47

ปูทะเลอบเกลือ เป็นเมนูขึ้นชื่อของทางร้าน แนะนำให้สั่ง ปูไข่แน่นๆ รสชาติเค็มๆหวานๆ อร่อยสุดโดนใจ

48

ปลากะพงทอดน้ำปลา ปลาสดกรอบนอกนุ่มใน

49

50

51

ด้านของหวานต้องยกให้ข้าวเหนียวมะม่วง

52

53

54

 

La Baguette พัทยา

55

ร้านเบเกอรี่สัญชาติฝรั่งเศส ตั้งอยู่ริมถนนพัทยา – นาเกลือ บริเวณด้านหน้าของโรงแรม วูดแลนด์ โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท ด้วยสไตล์การตกแต่งร้านเน้นโทนสีขาว เพิ่มความโปร่งโล่งด้วยกระจกใสรอบด้าน หรือสามารถเลือกนั่งรับลมด้านนอกร้านก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ

 

ที่ตั้ง : 164/1 หมู่5 อาคาร บริเวณด้านหน้าวู้ดแลนด์โฮเทลแอนด์รีสอร์ท ถนนพัทยา-นาเกลือ ตำบลนาเกลือ อำเภอบางละมุง ชลบุรี 20150

โทรศัพท์ : 038-421-707

เวลาเปิด – ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 24.00 น.

เมนูแนะนำ : บาเก็ตต์, สลัดปลาแซลมอน, แซนด์วิชเนื้อ, สตรอเบอร์รี่ชีส, บลูเบอร์รี่ชีสเค้ก, คาราเมลคัสตาร์ด, ครัวซองต์อัลมอนด์, แซนด์วิชสารพัดหน้า

56

64

65

66

 

หาดทรายรีแล็กซ์ ผับแอนด์เรสเตอรองท์

ร้านอาหารบรรยากาศริมทะเลอีกร้านหนึ่งที่อยากแนะนำ สำหรับคนที่ชื่นชอบบรรยากาศสบายๆ ริมทะเล มีลมพัดผ่านเย็นสบาย ฟังเสียงคลื่นกระทบฝั่งช่วยให้เพิ่มอรรถรสในการรับประทานอาหารได้ดียิ่งขึ้น

ที่ตั้ง : 1/1 ถนนบางแสนสาย 1 ตำบลแสนสุข อำเภอเมืองชลบุรี ชลบุรี 20000

โทร : 038-191-778 , 083-013-9309 , 088-839-4464

เปิดทุกวัน เวลา 16.00 – 24.30 น

เมนูแนะนำ : อาหารทะเลเผา, ปลากะพงนึ่งมะนาว, ต้มยำรวมมิตร, ไข่ตุ๋นทะเลหม้อไฟ, กุ้งสะดุ้งไฟ

67

68

70

71

72

 

ต้มเลือดหมูคุณศรี

ร้านอาหารขึ้นชื่อของเมืองพัทยา ที่หลายคนแนะนำว่าต้องลองมาชิมสักมื้อ ร้านต้มเลือดหมูคุณศรีเปิดสาขาทั่วพัทยาทั้งเหนือ กลาง ใต้ ตลอดจนไปมอเตอร์เวย์ ส่วนเรื่องความอร่อยหลายคนที่ได้ชิมแล้วจะบอกว่า ต้มเลือดหมูนั้นน้ำซุปหวานเข้มข้น ส่วนเครื่องในและเลือดหมูไม่มีกลิ่นคาว สำหรับคนใดที่ไม่ชอบทานต้มเลือดหมูนั้น ทางร้านก็มีก๋วยเตี๋ยวหมู เกาเหลาซี่โครงหมู เกาเหลาปลาให้ได้เลือกลิ้มลองความอร่อยกันจนพุงกาง

 

ที่ตั้ง : ในพัทยามีทั้งหมด 4 สาขาคือ สาขาพัทยากลาง ตรงข้ามการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค, พัทยาเหนือ ถนนสุขุมวิทติดกับปั้มเชลล์, พัทยาสาย 2 ติดกับอเวนิว และพัทยาใต้ซอย 7 ในโรงแรมสิวาลัย ซิตี้ เพลส

เปิดปิดเวลา  : 06.30 – 16.00 น.

โทร. 081-982-6944

73

74

75

 

ร้านอาหาร ประภาคาร

ร้านตั้งอยู่โดดเด่นเป็นสง่าสุดๆ ในบรรดาร้านอาหารริมชายทะเลย่านอำเภอพัทยา ภายในร้านถูกตกแต่งด้วยคอนเซ็ปต์โทนฟ้า – ขาว ยิ่งทำให้รู้สึกถึงความเป็นทะเลมากยิ่งขึ้น ร้านนี้สามารถการันตีถึงความอร่อยของอาหารและบรรยากาศได้

เมนูแนะนำจากทางร้าน สเต็กทะเล, กุ้งอบชีสผักโขม, หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์อบชีสผักโขม, ปลากะพงทอดตะไคร้, แกงเขียวหวานแซลมอน, ปูม้าผัดผงกะหรี่,ห่อหมกทะเลมะพร้าวอ่อน, ยำถั่วพู

 

ที่ตั้ง : 132/3 ซอยนาจอมเทียน 32 ถนนสุขุมวิท ตำบลนาจอมเทียน อำเภอสัตหีบ ชลบุรี 20250

โทร : 038-238-009 , 038-238-010

เปิดทุกวัน เวลา 11.00 – 23.00 น.

76

77

78

79

80

 

เดอ ปาปาย่า คาเฟ่ต์ พัทยา

ร้านอาหารสไตล์ฝรั่ง ตั้งอยู่ใน Mimosa พัทยา ภายในตกแต่งให้เข้ากับคอนเซปต์สถานที่ท่อเงที่ยวที่ โอ่โถง สวยงาม ให้บรรยากาศเหมือนอยู่ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ส่วนอาหารเน้นสไตล์ฟิวชั่นแต่ปรุงรสให้เหมาะกับคนไทย

 

ที่ตั้ง  : Mimolsa พัทยา ตำบลนาจอมเทียน  สัตหีบ, ชลบุรี

โทรศัพท์ : 086-305-9050

วันเวลาเปิด-ปิด : 10.00-23.00น.

84

81

83

82

 

และนี่คือร้านอาหารสุดอร่อยที่รอให้ทุกท่านได้ไปลิ้มลองและดื่มด่ำไปกับบรรยากาศทุกชิวริมทะเล จังหวัดชลบุรี  ที่นำมาแนะนำให้ตามไปชิม ตามไปลอง เพราะทุกร้านเป็นร้านต้นตำรับความอร่อยที่ใครได้ไปชิมก็ติดใจกันทั้งนั้น

 

เรียบเรียงโดย  www.hotelandresortthailand.com

เรื่องราวท่องเที่ยว By Hotel&Resort