มนต์เสน่ห์ธรรมชาติที่หลากหลายของจังหวัดจันทบุรี
“จันทบุรี” หรือเรียกสั้นๆ ว่า “เมืองจันท์” เป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ทางชายฝั่งทะเลภาคตะวันออกของประเทศไทย ซึ่งหลายท่านอาจจะคุ้นหูในฐานะเมืองเก่าที่มีสำคัญทางประวัติศาสตร์ไทย จึงทำให้พื้นที่จังหวัดจันทบุรีเต็มไปด้วยเรื่องราวและประวัติศาสตร์ที่หลากหลายที่รอให้นักท่องเที่ยวไปค้นหา อีกทั้งยังเต็มไปด้วยความหลากหลายทางธรรมชาติในพื้นที่ติดทะเล และธรรมชาติที่เป็นผืนป่า เขา จึงทำให้จังหวัดจันทบุรีเต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ รวมทั้งยังมีพื้นที่ที่มีความสมดุลของดินฟ้าอากาศที่เหมาะแก่การปลูกผลไม้ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งชื่อเสียงและยังเป็นการสร้างรายได้ให้กับชาวจังหวัดจันทบุรีอีกด้วย ดังนั้นจึงได้รวบรวมสถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดจันทบุรีมาฝากกันค่ะ
โอเอซิส ซีเวิลด์
โอเอซิส ซีเวิลด์ ตั้งอยู่ตำบลปากน้ำ อำเภอแหลมสิงห์ ห่างจากตัวเมืองจันทบุรีประมาณ 25 กิโลเมตร เป็นสถานที่เพาะพันธุ์และอนุรักษ์ปลาโลมาที่อาศัยอยู่ในน่านน้ำจังหวัดจันทบุรี ซึ่งมีอยู่ 2 พันธุ์ คือ พันธุ์หัวบาตร และพันธุ์ปากขวด โดยที่ภายในมีการจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับวงจรชีวิตของปลาโลมา การเพาะเลี้ยงโลมา รวมทั้งมีการแสดงของปลาโลมาแสนรู้ให้ชมทุกวัน วันละ 5 รอบ รวมทั้งเปิดบริการรอบเพื่อเล่นน้ำกับปลาโลมาอีกด้วย นอกจากนี้แล้วยังมีสวนสมุนไพรให้ได้ศึกษาหาความรู้กันอีกด้วย อาทิเช่น จำเรียง อบเชย โด่ไม่รู้ล้ม เป็นต้น หรือยังเป็นสถานที่จัดค่ายพักแรมที่พักไว้บริการกับนักเรียนและเยาวชนทั่วไปอีกด้วย
ตึกแดง
ตึกแดง ตั้งอยู่ตำบลปากน้ำแหลมสิงห์ อำเภอแหลมสิงห์ บริเวณท่าเรือแหลมสิงห์ ใกล้กับคุกขี้ไก่ ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองจันทุบรีประมาณ 30 กิโลเมตร ซึ่งตึกแดงแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 ปี พ.ศ. 2436 เดิมเป็นที่ตั้งของป้อมพิฆาตปัจจามิตร ต่อมาเมื่อฝรั่งเศสเข้ายึดเมืองจันทบุรีก็ได้รื้อป้อมแห่งนี้ลง และสร้างตึกแดงขึ้นมาเพื่อใช้เป็นที่พักและเป็นกองบัญชาการทหารฝรั่งเศสเป็นตึกชั้นเดียว สีแดง หลังคามุงด้วยกระเบื้อง และเปิดให้เข้าชมได้ทุกวันในเวลา 08.30 – 16.30 น.
เที่ยวชมย่านท่าหลวงเก่าริมน้ำ
ย่านท่าหลวงตั้งอยู่ริมฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจันทบุรี ถนนท่าหลวง ตำบลท่าช้าง อำเภอเมือง เป็นย่านการค้าเก่าแก่ของเมืองจันทบุรี เป็นชุมชนที่เก่าแก่ของจีนและญวนมาตั้งแต่สมัยต้นรัตนโกสินทร์ และรุ่งเรืองมากในสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินเที่ยวชมบรรยากาศย้อนยุคได้อย่างสบายๆ ด้วยอาคารบ้านเรือนที่มีลักษณะเป็นแถวที่ถูกสร้างตามแบบโคโลเนียล ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมลูกครึ่งฝรั่งผสมผสานกับจีน โดยที่มีลักษณะเป็นอาคารเรียงโค้งกันเป็นแถว และถูกประดับชายคาด้วยเป็นไม้แกะฉลุลวดลายโปร่งตา
ส่วนสภาพร้านค้านั้นยังถูกคงสภาพไว้แบบดั้งเดิม เช่น ร้านขายยาจีนแผนโบราณ, ร้านตัดผมเรือนไม้, บ้านหลวงราชไมตรี ผู้ที่ได้รับฉายาว่าเป็น “บิดาแห่งยางพาราภาคตะวันออก” คหบดีแห่งย่านท่าหลวง ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกการค้ายางพาราในจังหวัดนี้ ตัวบ้านสร้างแบบโคโลเนียล และเคยเป็นสถานที่ถ่ายทำหนัง “โหมโรง” และละคร “อยู่กับก๋ง” ทั้งนี้หากได้ไปสัมผัสย่านท่าหลวงแนะนำให้แวะร้านไอศกรีม “จรวด” ซึ่งเป็นร้านที่อร่อยที่สุด และเป็นโรงงานแห่งแรกของจังหวัดที่ใช้เครื่องจักรในการผลิตไอศกรีมตั้งแต่ปี พ.ศ. 2502 เป็นต้นมา ที่ยังคงบรรยากาศเก่าแก่ของตัวอาคารแบบโคโลเนียลไว้ และแนะนำให้แวะร้านขายของที่ระลึกต่างๆ ที่มีชื่อร้านว่า “ทำสี” ที่ขายดีมากๆ มีสินค้าจำหน่ายมากมายหลากหลายความต้องการ อาทิเช่น เสื้อยืด โปสการ์ด แม่เหล็กติดตู้เย็น และของใช้จุกจิกมากมายที่รอนักท่องเที่ยวซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้านกัน
อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฎ
อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฎ เป็นแหล่งต้นน้ำที่สำคัญของแม่น้ำจันทบุรี เนื่องด้วยสภาพป่าในบริเวณนี้มีความหลากหลายและความอุดมสมบูรณ์รวมไปถึงพันธุ์ไม้หายากจำนวนมาก จึงทำให้เป็นสถานที่ที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ อาทิเช่น น้ำตกกระทิง เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ทั้งหมด 13 ชั้น มีต้นกำเนิดมาจากเทือกเขาคิชฌกูฎ หรือ ยอดเขาพระบาท ที่ประดิษฐานอยู่บนยอดเขาคิชกูฎ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยาที่ถูกนำผูกกับทางพระพุทธศาสนา และนอกจากนี้ยังสามารถชื่นชมกับทิวทัศน์ของเทือกเขาสระบาป, เขาสุกิม, เกาะนมสาว, และตัวเมืองจันทบุรีได้อีกด้วย
อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว
อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว มีเนื้อที่ 84,063 ไร่ ตั้งอยู่อำเภอแหลมสิงห์ บนเทือกเขาสระบาป โดยที่มาของชื่อน้ำตกคือ คำว่า “พลิ้ว” กล่าวกันว่าเป็นภาษาชอง ซึ่งเป็นเจ้าของถิ่นเดิมที่แปลว่า ทราย หรือ หาดทราย แต่เข้าใจกันว่าน้ำตกพลิ้วคงจะได้ชื่อมาจากต้นไม้ชนิดหนึ่ง ที่ชอบขึ้นในดินปนทราย มีลักษณะเป็นไม้เถามีดอกเป็นผลเล็กขนาดลูกเกด สีเหลืองอมแดง สามารถพบเห็นได้ทั่วไปในแถบนี้ สำหรับน้ำตกพลิ้วแห่งนี้เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ มีน้ำตลอดทั้งปี และยังเป็นน้ำที่ใสสามารถมองเห็นพื้นด้านล่างได้อีกด้วย รวมไปถึงยังสามารถชื่นชมกับพันธุ์ไม้นานาพันธุ์ และสัตว์ป่านานาชนิดได้อีก
หาดเจ้าหลาว
หาดเจ้าหลาว ตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกของอ่าวคุ้งกระเบน ตำบลคลองขุด อำเภอท่าใหม่ และอยู่ก่อนถึงตัวเมืองจันทบุรี 60 กิโลเมตร หาดเจ้าหลาวแห่งนี้เป็นชายหาดที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของจังหวัดจันทบุรี เนื่องจากมีชายหาดที่สวยงดงาม มีบรรยากาศที่เงียบสงบ ร่มรื่นไปด้วยทิวของต้นมะพร้าว ส่วนหาดทรายนั้นจะมีเนื้อละเอียดสีแดง ซึ่งเป็นลักษณะพิเศษของหาดทรายเมืองจันทบุรี รวมทั้งหาดทรายแห่งนี้ยังทอดยาวไปจนถึงเขตห้ามล่าสัตว์คุ้งกระเบนอีกด้วย และนอกจากนี้ยังมีกิจกรรมให้เลือกทำมากมาย เช่น เล่นน้ำทะเล, เล่นบานาน่าโบ๊ท, ดำน้ำตื้นดูปะการัง ซึ่งอยู่ห่างจากชายฝั่งเพียง 2 กิโลเมตรเท่านั้น
ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นสถานที่สำคัญสำหรับศึกษาค้นคว้าและวิจัย เพื่อเป็นแนวทางด้านการพัฒนาที่เหมาะสมต่อพื้นที่ชายฝั่งจังหวัดจันทบุรีโครงการหนึ่งที่ศูนย์ทำขึ้น เพื่อให้ประชาชนที่มีความสนใจเข้ามาศึกษาสภาพธรรมชาติ ที่ก่อให้เกิดความเข้าใจในระบบนิเวศป่าชายเลน และรู้จักการใช้ทรัพยากรเหล่านั้นให้เกิดประโยชน์สูงที่สุด คือ สะพานเดินศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนอ่าวคุ้งกระเบน ตั้งอยู่ตรงข้ามศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริโดยจะใช้เวลาเพียง 30 – 45 นาที บนเส้นทางศึกษาธรรมชาติ จะมีจุดสื่อความหมายธรรมชาติอยู่ตามบริเวณต่างๆ เป็นแหล่งอาหารธรรมชาติตลอดจนแหล่งสมุนไพรสำหรับชุมชนที่อาศัยอยู่โดยรอบอีกด้วย
อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล จันทบุรี
อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล จันทบุรี ตั้งอยู่บริเวณโรงเรียนสตรีพิทักษ์ ตำบลจันทนิมิต อำเภอเมือง ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2254 บนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจันทบุรี โดยคุณพ่อเฮิ๊ต โตแลนติโน และบรรดาทอลิกชาวญวน จนถึงเมื่อปี พ.ศ. 2377 ได้ย้ายมาสร้างบนฝั่งด้านตะวันนออกของแม่น้ำจันทบุรีอันเป็นสถานที่ตั้งในปัจจุบันนี้ ซึ่งนับได้ว่าเป็นโบสถ์คาทอลิกขนาดใหญ่ที่มีความเก่าแก่ และถูกกล่าวขานกันว่ามีความสวยงดงามที่สุดของประเทศไทยอีกด้วย ด้วยความงามของสถาปัตยกรรมตะวันตกแบบโกธิค และภายในตกแต่งด้วยลวดลายฉลุ กระจกสเตนกลาสหรือกระจกหลากสี และภาพนักบุญต่างๆ รวมไปถึงเป็นที่ประดิษฐานองค์พระนางมารีอาที่ถูกประดับด้วยพลอย 200,000 เม็ด ซึ่งมีหนึ่งเดียวในโลกอีกด้วย เปิดให้เข้าเยี่ยมชมวันจันทร์ – วันเสาร์ เวลา 08.30 – 12.00 น. และเวลา 13.00 – 16.30 น. ส่วนวันอาทิตย์ เวลา 10.00 – 16.30 น.
และทั้งหมดนี้คือ สถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดจันทบุรี ที่นำมาแนะนำให้ไปลองเที่ยวชมและสัมผัสเรื่องราวดีๆ ที่เกิดขึ้น และไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก สำหรับใครที่มีโอกาสได้ไปเที่ยวนั้นอย่าลืมแวะไปท่องเที่ยวตามสถานที่ที่ได้นำมาฝากด้วยนะคะ
เรียบเรียงโดย www.hotelandresortthailand.com