7 สถานที่ท่องเที่ยวควรค่าแก่การไปเยือนในเมืองไทย
1. หมู่เกาะรัง จ.ตราด
หมู่เกาะรัง เป็นบริเวณที่มีปะการังสวยงดงามมากที่สุดแห่งหนึ่งของทะเลจังหวัดตราด และที่สำคัญยังเป็นแนวปะการังน้ำตื้นที่มีชื่อเสียงระดับโลกอีกด้วย จนหนังสือเกี่ยวกับการดำน้ำของอเมริกายกให้หมู่เกาะรังติด 1 ใบ 5 ของแหล่งดำน้ำโลกมาแล้วด้วย นอกจากนี้ยังมีเกาะยักษ์ใหญ่ และเกาะยักษ์เล็ก ที่ตั้งอยู่บริเวณใกล้ๆ กัน ซึ่งทั้ง 2 เกาะนี้ก็อยู่ในหมู่เกาะรังเหมาะแก่การไปดำน้ำด้วยเช่นกัน
2. แก่งชมดาว จ.อุบลราชธานี
แก่งชมดาว ตั้งอยู่ที่ อ.นาตาล จ.อุบลราชธานี เป็นแก่งหินที่ถูกกัดเซาะโดยน้ำวนจนเกิดเป็นผาหินและแอ่งหลุมรูปทรงแปลกตา ซึ่งจะมีน้ำสีเขียวใสปรากฏให้เห็นอยู่ตลอด และไฮไลท์ที่สำคัญที่สุดของแก่งชมดาวแห่งนี้อยู่ที่ช่วงยามเช้าและช่วงโพล้เพล้ เพราะแสงจะสวยงามมากๆ โดยเฉพาะเดือนมกราคม – เดือนมิถุนายน แนะนำให้มาท่องเที่ยว
3. ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช
ลานสกา เป็นดินแดนที่ได้รับสมญานามว่ามี อากาศดีที่สุดในประเทศไทย โดยที่ลานสกานี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่น่าไปสัมผัสเป็นอย่างยิ่ง และจุดที่อากาศดีที่สุดของสานสกานั้นตั้งอยู่ ณ บริเวณหมู่บ้านคีรีวง และเป็นเรื่องน่าทึ่งอย่างมากสำหรับบริเวณนี้ เพราะปกติแล้วเกณฑ์มาตรฐานอากาศที่ดี ต้องมีสิ่งแปลกปลอมไม่เกิน 300 ไมครอนต่ออากาศ 1 ลูกบาศก์เมตร แต่ที่หมู่บ้านคีรีวง ลานสกา แห่งนี้กลับพบว่ามีสิ่งแปลกปลอมเพียง 9 ไมครอนต่ออากาศ 1 ลูกบาศก์เมตร เท่านั้นเอง ซึ่งมีอากาศที่บริสุทธิ์กว่ามาตรฐานถึง 100 เท่าเลยทีเดียว จึงได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวไปเยี่ยมชมและสูดอากาศที่ดีที่สุดของประเทศไทยอีกด้วย
4. ดอยเสมอดาว จ.น่าน
ดอยเสมอดาว นับว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่กางเต้นท์พักแรมยอดฮิตอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติศรีน่าน อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน ด้วยดอยเสมอดาวแห่งนี้เป็นจุดชมวิวที่มีพื้นที่เป็นลานกว้างตามสันเขา จึงทำให้เหมาะสำหรับการพักผ่อน นอนดูดาว และชมทะเลหมอกพร้อมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าเป็นอย่างมาก
5. เกาะไม้ท่อน จ.ภูเก็ต
เกาะสวรรค์เล็กๆ แห่งใหม่หลังจากที่ถูกปิดนานนับสิบปี เกาะไม้ท่อนแห่งนี้เป็นเกาะส่วนตัวที่แสนเงียบสงบ เหมาะแก่การมาพักผ่อน จนได้รับสมญานามว่า Honeymoon Private Island เหมาะสำหรับคู่รักอย่างยิ่ง ด้วยน้ำทะเลใสบริสุทธิ์ดั่งกระจก และความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติรอบๆ เกาะรวมไปถึงสัตว์น้ำนานาพันธุ์ใต้ผืนน้ำที่รอแหวกว่ายต้อนรับผู้มาเยือนเกาะแห่งนี้ รับรองได้ว่าใครที่ได้ไปสัมผัสแล้วจะติดใจจนไม่อยากบ้านกันเลย
6. น้ำตกถ้ำพระภูวัว จ.บึงกาฬ
น้ำตกถ้ำพระ หรือชื่อเต็มๆ ว่า น้ำตกถ้ำพระภูวัว ตั้งอยู่ระหว่างรอยต่อของอำเภอเซกา กับอำเภอบึงโขงหลง น้ำตกที่มีความสวยงดงามมากๆ น้ำที่ไหลลงมาตามชั้นหินสีเทาสลับกับสีน้ำตาลที่ลดหลั่นกันลงมาบริเวณลานกว้าง และความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติที่ยังคงอยู่ ซึ่งนักท่องเที่ยวนิยมมาเล่นน้ำกันเป็นจำนวน เพราะจากน้ำตกแห่งนี้มีด้วยกันถึง 3 ชั้นนั้นเอง โดยเฉพาะในชั้นที่ 2 จะมีลานกว้างไว้ชมดอกไม้ป่านานาพันธุ์ที่ผลิดอกออกช่ออย่าสวยสดงดงามต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกท่าน
7. ดอยเมี่ยง จ.แม่ฮ่องสอน
ดอยเมี่ยง แห่งเมืองปาย จ.แม่ฮ่องสอน เป็นดอยสูงประมาณ 1,600 เมตร ลักษณะภูมิประเทศเป็นป่าดิบชื้นและมีภูเขาสลับซับซ้อน อุดมสมบูรณ์ไปด้วยไม้นานาพันธุ์ เช่น ต้นพญาเสือโคร่ง ต้นมะค่า และต้นสน รวมไปถึงมีจุดชมวิวที่สวยงดงาม สามารถมองเห็นเมืองปายได้แบบ 360 องศา บวกกับมีอากาศที่หนาวเย็นตลอดทั้งปี จึงทำให้ดอยเมี่ยงแห่งนี้เป็นเสมือนสวรรค์แห่งใหม่ของเมืองปายไปโดยปริยาย และที่สำคัญดอยเมี่ยงยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง
เรียบเรียงโดย www.hotelandresortthailand.com